สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้รถ แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือก หลายคนมักเกิดคำถามว่า “ควรทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้น 2+ ดี?” เพราะทั้งสองประเภทดูเหมือนจะมีความคุ้มครองที่น่าสนใจ และตอบโจทย์การใช้งานแตกต่างกัน บทความนี้จะมาเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับชั้น 2+ รวมถึงบอกข้อดีข้อเสียของแต่ละชั้น เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าประกันแบบไหนเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอุ่นใจสูงสุด โดยความคุ้มครองหลัก ๆ ได้แก่
- ความเสียหายต่อตัวรถเรา ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ ชนรถ หรือชนสิ่งอื่น ๆ รวมถึงกรณีรถพลิกคว่ำ
- ความเสียหายต่อคู่กรณี ครอบคลุมทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
- กรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว
- ไม่มีคู่กรณีก็สามารถเคลมได้ เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า หรือกำแพง
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
ข้อดีของประกันชั้น 1
- ครอบคลุมทุกความเสี่ยง เหมาะกับรถใหม่หรือรถที่มีมูลค่าสูง
- ลดความกังวลใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
- มักมีบริการเสริม เช่น รถลากฉุกเฉิน หรือบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
ข้อเสียของประกันชั้น 1
- เบี้ยประกันค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประกันประเภทอื่น
- อาจไม่คุ้มค่าหากใช้กับรถเก่าที่มีมูลค่าลดลงมากแล้ว
ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่อยู่ระหว่างประกันชั้น 1 และชั้น 3+ โดยมีจุดเด่นคือราคาเบี้ยถูกกว่า แต่ยังคงให้ความคุ้มครองค่อนข้างครอบคลุม โดยความคุ้มครองหลัก ๆ ได้แก่
- ความเสียหายต่อคู่กรณี ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
- ความเสียหายต่อตัวรถเรา แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเกิดจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็น “ยานพาหนะทางบก” เท่านั้น
- กรณีรถสูญหาย หรือไฟไหม้ ได้รับความคุ้มครอง
- เบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 1 อย่างชัดเจน
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
ข้อดีของประกันชั้น 2+
- ค่าเบี้ยถูกกว่า แต่ยังคงให้ความคุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1
- เหมาะสำหรับรถที่มีอายุ 4-7 ปี ที่ไม่ต้องการความคุ้มครองรอบด้านแบบชั้น 1
- คุ้มค่าเมื่อใช้รถในชีวิตประจำวันตามปกติ และมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย
ข้อเสียของประกันชั้น 2+
- ไม่คุ้มครองหากรถเกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี เช่น ขับชนเสาไฟ รถพลิกคว่ำเอง
- ไม่ครอบคลุมภัยธรรมชาติทุกกรณี ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับชั้น 2+ แล้วควรเลือกประกันชั้นไหนดี ?
การเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับชั้น 2+ เพื่อเลือกว่าควรทำแบบไหน ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับ ลักษณะการใช้งานรถและงบประมาณ เช่น
- หากคุณใช้รถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่มีมูลค่าสูง ควรเลือกประกันชั้น 1 เพื่อความคุ้มครองสูงสุด
- หากรถของคุณมีอายุ 4-7 ปี และคุณต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน แต่ยังอยากได้ความคุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1 การเลือกประกันชั้น 2+ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- หากคุณขับรถไม่บ่อย ใช้งานเพียงในชีวิตประจำวัน และต้องการความคุ้มค่า ประกันชั้น 2+ ก็เพียงพอ
จากการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับชั้น 2+ พบว่าต่างมีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ประกันชั้น 1 เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองรอบด้านแบบไร้กังวล ส่วนชั้น 2+ เหมาะกับคนที่อยากได้ความคุ้มครองเกือบครบ แต่ในราคาที่ประหยัดกว่า ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาจากอายุรถ มูลค่ารถ ลักษณะการใช้งาน และงบประมาณ เพื่อเลือกประกันที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด