บอย อินชัวร์
การฉ้อฉลประกันภัยได้พัฒนาเรื่อยมาเป็นลำดับ นับตั้งแต่จัดฉากปลอมแปลงเอกสาร ยันแถลงถ้อยคำไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อหวังเงินเอาประกัน หรือกระทั่งจัดฉากสร้างสถานการณ์เผาเอาประกัน รวมทั้งจัดฉากรถชนกันเอาประกัน จนต่อมานานวันเข้าก็วิวัฒนาการเป็นมิจฉาชีพเข้ามาสวมบทเป็นนายทุนออกเงินลงทุนให้ แล้วว่าจ้างคนและจัดฉากสร้างสถานการณ์ฉ้อฉลหวังเอาเงินประกัน จนระยะหลัง ๆ ก็ยกระดับขึ้นมาตามกระแสสังคมที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เที่ยวต้มตุ๋น ไม่ต่างจากสถาบันการเงินหรือธุรกิจต่าง ๆ ที่ถูกหลอกหลอน หรือแม้กระทั่งมีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลและการระบาดของบัญชีม้าที่เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น

แต่ทว่า ปัจจุบันการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันได้แปรเปลี่ยนรูปแบบต่างไปจากเดิมออกไป โดยล่าสุดที่ทางการหวาดวิตกชั่วโมงนี้เห็นจะเป็นกรณีการระบาดเข้ามาของแอปพลิเคชันเถื่อน ผสมโรงกับบริษัทประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตที่เข้ามาขยายตลาดลูกค้าในบ้านเรา ซึ่งเป็นที่กังวลของ คปภ.ไม่น้อย เพราะ**บ.**เหล่านี้ไม่รู้มีตัวตนหรือไม่ และหากมีตัวตน ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. เวลาเกิดเหตุเคลมสินไหมขึ้น จะไปเรียกร้องกับบริษัทดังกล่าวอย่างไร ในเมื่อไม่ได้จดทะเบียนก่อตั้งในไทยและอยู่ภายใต้กำกับควบคุมของ คปภ.

นายจอม จีระแพทย์
ล่าสุด เรียกว่า ว้าว! ทีเดียว กับการออกมาปฏิบัติการเชิงรุกฉับพลันของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ.) ซึ่งนำโดยนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และ นายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดีออกมาประกาศเดินหน้าปราบปรามภัยไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ดังกล่าว โดยความคืบหน้าหมาด ๆ ได้ร่วมประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple และ Google รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอย่างสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO) และธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
โดยในการประชุมดังกล่าว นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาฯ คปภ.ได้กล่าวย้ำชัดเจนว่าธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดย คปภ. ดังนั้นผู้ที่จะประกอบธุรกิจประกันภัยจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อรับประกันภัยได้
โดยการหารือได้พูดถึงความร่วมมือเชิงลึกกรณีแนวทางการใช้เทคโนโลยีของ Apple Store และ Google Play Store เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงที่เกิดขึ้น โดย คปภ. จะร่วมมือกับทั้ง 2 บริษัท ในการตรวจสอบและลบแอปพลิเคชันของบริษัทประกันภัยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงดังกล่าว

นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์
ทั้งนี้ เนื่องจากแอปพลิเคชันเถื่อนหรือบริษัทประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเหล่านี้ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คปภ. หากเกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือจ่ายเงินไม่ครบตามกรมธรรม์หรือบริษัทม้วนเสื่อเลิกประกอบธุรกิจ และเคลมไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับเบี้ยประกันภัยไปแล้ว โดยบริษัทต่างชาติเหล่านี้ไม่มีทรัพย์สินในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถบังคับคดีตามคำพิพากษาได้อีกด้วย จึงยากที่จะหาตัวผู้รับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมายได้
แม้ว่า บทสรุปของความร่วมมือระหว่างกันของ คปภ.และ 2 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกในการกวาดล้างมิจฉาชีพแอปฯเถื่อนและกวาดล้าง**บ.**ประกันข้ามชาติเถื่อนที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจากทางการครั้งนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะบรรลุผลสำเร็จหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ การร่วมมือระหว่างกันครั้งนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ในการริเริ่มความร่วมมือกับการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ของภาคธุรกิจประกันกับบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีชั้นนำของโลกก้าวสำคัญทีเดียว ภายใต้ภัยไซเบอร์ที่จู่โจมคุกคามธุรกิจประกันยามนี้
#ภัยไซเบอร์ #ประกันภัย #คปภ. #ฉ้อฉลประกันภัย #แอปพลิเคชันเถื่อน