ปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศยึดบิตคอยน์มูลค่ามหาศาลกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งข้อหาต่อ นายเฉิน จื้อ ประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แห่งกัมพูชา ถือเป็นก้าวที่สำคัญของกระบวนการจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ที่หยั่งรากลึกในกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องการฉ้อโกงทางการเงินเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนที่โลกไม่อาจมองข้ามได้ ในฐานะนักรัฐศาสตร์ผู้เฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์นี้มากว่าสี่ทศวรรษ ปัญหานี้สมควรถูกยกระดับให้เป็นวาระระดับโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมกันแก้ไขอย่างจริงจัง เนื่องจากการฉ้อโกงแบบ “Pig Butchering” ที่มีมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลก และที่เลวร้ายกว่านั้นคือการใช้แรงงานบังคับในลักษณะ “ค่ายทาสไซเบอร์” ซึ่งกักขังและทรมานผู้คนนับแสน
การที่บุคคลระดับสูงที่มีความเชื่อมโยงกับชนชั้นนำทางการเมืองสามารถดำเนินการอาชญากรรมในรูปแบบองค์กรได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาธรรมาภิบาลที่อ่อนแอและการทุจริตที่เอื้อต่อการเติบโตของเครือข่ายอาชญากร ดังนั้น การจัดการอาณาจักรอาชญากรรมนี้จึงเป็น "วาระของโลก" ไม่ใช่แค่เพียงเชิงนโยบายจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัลและการปราบปรามการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลและอสังหาริมทรัพย์
ที่สำคัญ สหประชาชาติและประเทศมหาอำนาจควรใช้กลไกการคว่ำบาตรต่อเป้าหมายอย่างต่อเนื่องเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงและทำลายเครือข่ายอุปถัมภ์ทางการเมืองที่คุ้มครองอาชญากร การกดดันให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการปฏิรูปกฎหมายและกลไกการบังคับใช้ให้โปร่งใสและปราศจากการแทรกแซงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวด และที่สำคัญที่สุดคือการจัดตั้งกลไกการช่วยเหลือและเยียวยาเหยื่อการค้ามนุษย์และผู้เสียหายจากการฉ้อโกงอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาใช้ทรัพย์สินที่ยึดมาได้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่เหยื่อ การดำเนินการเชิงรุกและรอบด้านในลักษณะนี้เท่านั้น จึงจะสามารถยุติอาชญากรรมข้ามชาติที่มาพร้อมกับวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนนี้ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน
#บิตคอยน์ #อาชญากรรมไซเบอร์ #กัมพูชา #สหรัฐอเมริกา #PigButchering #ค่ายทาสไซเบอร์ #สิทธิมนุษยชน