สมรภูมิการเมืองตอนนี้เต็มไปด้วยการพลิกผันของอำนาจและอุดมการณ์ ในวรรณกรรม "สามก๊ก" ลิโป้ ยอดขุนพลผู้เก่งกาจ อาจเปรียบเทียบได้อย่างมีนัยยะสำคัญในบริบทปัจจุบัน การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากเลือกที่จะ "ย้ายพรรค" ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการยุบสภา และการเลือกตั้ง ล้วนสะท้อนถึงการคำนวณที่มุ่งเน้นความมั่นคงทางการเมืองส่วนตัว และการเข้าสู่ขั้วอำนาจรัฐบาล
การย้ายข้างนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสะดวกใจ แต่เป็นการแสวงหาความมั่นคงในอำนาจที่สูงกว่า พรรคการเมืองที่สามารถรวมเสียงและมีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงเปรียบเสมือน "ตั๋งโต๊ะ" ผู้ซึ่งอาศัยช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายเข้ากุมอำนาจ และเมื่อได้รับ "ลิโป้" ผู้มีฐานเสียงหรือศักยภาพเฉพาะตัวย้ายเข้ามาเสริมทัพ ก็ยิ่งเสริมให้ตนเองมีบารมีและกำลังต่อรองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองขนาดกลางอย่าง พรรคภูมิใจไทย ผงาดขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล การที่พรรคสามารถดึงดูด ส.ส. จากพรรคอื่น ๆ หรือกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้ามาร่วมวงได้สำเร็จ ก็ย่อมทำให้ฐานอำนาจของพรรคแข็งแกร่งขึ้นทันที
แต่ไม่ว่าลิโป้หรือตั๋งโต๊ะย่อมมาพร้อมกับ ราคาที่ต้องจ่าย ในเชิงจริยธรรมและการเมือง การขาดความจงรักภักดีต่ออุดมการณ์เดิมหรือพรรคที่เคยสังกัด นำมาซึ่งการถูกประณามว่าเป็น "งูเห่า" ซึ่งกัดกร่อนศรัทธาของประชาชนต่อระบอบตัวแทน ในขณะที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงจาก ความไม่แน่นอนของพันธมิตร เหล่านี้ เพราะยอดขุนพลผู้ไร้ความภักดี มักจะพร้อมเปลี่ยนนายเสมอ หากมีผลประโยชน์ที่เย้ายวนกว่าปรากฏขึ้น
ทว่า ในโลกความเป็นจริง การย้ายพรรคของสส.มีปัจจัยเรื่องกระแสความนิยมเข้ามาเกี่ยวข้องและตำแหน่งแห่งที่ด้วยอำนาจอันหอมหวาน การผงาดขึ้นของอำนาจที่ได้มาจากการเปลี่ยนขั้วและเปลี่ยนข้าง แม้จะเป็นชัยชนะที่อาจจะฉาบฉวย เหมือนการครองอำนาจในช่วงแรกของตั๋งโต๊ะ ทว่าในระยะยาว จะต้องสร้างความชอบธรรมที่แท้จริง ไม่ได้มาจากการรวมจำนวน ส.ส.เพียงเท่านั้น แต่มาจากการยึดมั่นในหลักการและการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อมิให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย ด้วยจุดจบของยอดขุนพลผู้ไร้ความภักดี และผู้นำที่ใช้อำนาจโดยปราศจากความชอบธรรมทางจริยธรรม
#สามก๊ก #การเมืองไทย #ภูมิใจไทย #ตั๋งโต๊ะ #ลิโป้ #งูเห่า #ย้ายพรรค #จัดตั้งรัฐบาล