ชาวเมืองนครพนมแห่ชมคอนเสิร์ต“วัฒนธรรมเพลงล้านช้าง ลาว เขมร และผู้ไท” ล้นหลาม นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม ยกนิ้วเป็นการแสดงดนตรีที่สะท้อนวัฒนธรรมอันงดงามของท้องถิ่น
นับเป็นครั้งแรกของจังหวัดนครพนมที่มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข จัดคอนเสิร์ต “วัฒนธรรมเพลงล้านช้าง ลาว เขมร และผู้ไท” ภายใต้โครงการ “ดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” โดยนำวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า มาบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน ปรากฎว่ามีประชาชนทั้งจากจังหวัดนครพนม และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมชมกันอย่างเนืองแน่น ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม เมื่อเร็วๆนี้ ท่ามกลางฉากหลังที่เป็นธรรมชาติสวยงามยามเย็นย่ำ ไม่ว่าจะเป็นพญานาคที่พ่นน้ำชุ่มฉ่ำ น้ำในแม่น้ำโขงที่ขึ้นสูงในช่วงฤดูฝน และวิวทิวทัศน์ภูเขาน้อยใหญ่ของฝั่งสปป.ลาว
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดการแสดงดนตรีครั้งนี้ว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ขอขอบพระคุณรศ.ดร.สุกรี เจริญสุข ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย “ดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” ที่ได้นำอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นมารังสรรค์ในรูปแบบดนตรี โดยมีวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้าบรรเลงร่วมกับวงดนตรีพื้นบ้านอีสานของภูมิภาคนี้ ซึ่งมีความโดดเด่นและมีความหลากหลายของผู้คน สามารถทำได้อย่างมีคุณภาพยอดเยี่ยมมาก

ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า การแสดงดนตรีครั้งนี้”วงทาลึง” ซึ่งเป็นวงยอดฝีมือเยาวชนดนตรีที่ชนะเลิศการประลองได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาร่วมบรรเลง ถือเป็นตัวแทนจากท้องถิ่นอีสานที่ได้ทำหน้าที่สืบทอดมรดกวัฒนธรรมดนตรีของชาติด้วย
“พื้นที่ของนครพนม ในอาณาจักรศรีโคตรบูรเป็นดินแดนโบราณที่มีผู้คนอาศยอยู่หลากหลายเผ่าพันธุ์ ทั้งชาวผู้ไท ไทดำ มีความแตกต่างและโดดเด่นเป็นพิเศษ งานวิจัยนี้เป็นโครงการที่ทำได้ยาก เพราะคาดหวังการทำงานที่มีคุณภาพสูงและมาตรฐานนานาชาติ ซึ่งความสำเร็จในวันนี้ เป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับการนำสิ่งดีๆมีคุณภาพมาสู่เมืองนครพนม”ดร.วิภารัตน์ กล่าว พร้อมกับขอบคุณทางเทศบาลเมืองนครพนม และสถานีโทรทัศน์ไทยพีเอสที่จะนำคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปเผยแพร่
นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีในการนำวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้ามาแสดงที่ลานพญานาคแห่งนี้ ด้วยเป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่จะนำวงดนตรีขนาดใหญ่ ที่มีผู้แสดงมากกว่า 100 ชีวิต รวมถึงทีมงานคุณภาพ ทั้งแสง สี และภาพ มาทำการแสดงให้พี่น้องชาวนครพนมได้รับชม และซึมซับถึงวัฒนธรรมอันงดงามของท้องถิ่น เพื่อเป็นต้นแบบให้พื้นที่และเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้ชื่นชมและนำออกไปเผยแพร่ต่อไป

ด้านนายวชิรเชษฐ์ กิตติ์พรศิริกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวว่า ขอขอบคุณวช.และ มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุขที่เลือกจังหวัดนครพนมเป็นพื้นที่การแสดงของวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้าซิมโฟนี ร่วมกับวงดนตรีพื้นบ้านอีสาน ซึ่งเป็นครั้งแรกของจังหวัดนครพนมที่มีคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่แบบนี้ ทำให้พี่น้องชาวไทยและชาวโลกได้รับรู้ไปด้วย สอดรับกับสโลแกนของเมืองนครพนมที่ว่า”มานครพนม ชมสามที่สุด เพื่อสุขที่สุด” คือพระธาตุพนม สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง
ผศ.ดร.ทินกร อัตไพบูลย์ ประธานหลักสูตรดนตรีศึกษา มหาวิทยาลัยนครพนม กล่าวว่า วันนี้ตนมาเดี่ยวโหวด ร่วมกับวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า โดยเลือกเพลงน้ำโตนตาด เพื่อให้เห็นถึงธรรมชาติอันสวยงามของอีสาน ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันเพราะเป็นครั้งแรก ซึ่งการนำเครื่องดนตรีอีสานมาบรรเลงร่วมกับวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะดนตรีอีสานมีทั้งความสนุกสนาน เร้าใจ และเศร้าโศก ครบทุกรสชาติ โดยเฉพาะการแสดงดนตรีของ”วงทาลึง” ซึ่งเป็นแชมป์รางวัลยอดเยาวชนดนตรี ได้นำทำนองเพลงเก่ามารังสรรค์เป็นเพลงใหม่ในชื่อ”เพลงฝนโปรย” เล่นได้ดีมาก ทำให้เห็นว่าวงนี้เป็นความหวังที่จะสืบทอดดนตรีพื้นบ้านอีสานให้ไปได้ไกลในรูปแบบของดนตรีร่วมสมัย เพื่อให้ทุกคนทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

รศ.ดร.สุกรี กล่าวว่า การจัดคอนเสิร์ต “วัฒนธรรมเพลงล้านช้าง ลาว เขมร และผู้ไท” ภายใต้โครงการ “ดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” ที่จังหวัดนครพนม สนับสนุนโดยวช. ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะทำให้ชาวนครพนมและคนในจังหวัดใกล้เคียงได้ชมได้ฟังดนตรีคลาสสิก ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคยกันมาก่อน น่าดีใจที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก และในช่วงสุดท้ายที่วงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้าบรรเลง ปรากฎว่าบรรดานางรำและสมาชิกวงปล่อยแก่อุดรธานีที่มาร่วมร้องเพลงประสานเสียงถึงกับออกมาร่ายรำด้วยความสนุกสนาน
“คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการนำความแตกต่างและความหลากหลายมารวมกันอย่างลงตัวและมีความสุข แตกต่างคือ เครื่องดนตรีอีสานที่เล่น ทั้งโปงลาง พิณ และโหวด ชาวบ้านยังเล่นอยู่ ส่วนวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้าใช้เครื่องดนตรีสากลล้วนๆ พร้อมกับนางรำที่มีมานานเป็นพันๆปีมาร่วมร่ายรำด้วย ขณะที่ในปัจจุบันสังคมดนตรีใช้AIกันหมดแล้ว ดังนั้นเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้อย่างไร การแสดงดนตรีครังนี้ ทำให้สังคมตื่นตัว”รศ.ดร.สุกรีกล่าวและว่า ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ทางวช.และมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ร่วมกับเทศบาลเมืองน่าน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานน่าน จะจัดคอนเสิร์ตที่ข่วงเมืองน่าน วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ภายใต้โครงการ “ดนตรีประจำชาติบนความแตกต่าง ความหลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”