สถาพร ศรีสัจจัง
เพื่อให้ “ร่วมสมัย” กับคำยุค “ออนไลน์” พอคุยถึงเรื่อง “โจรห้าร้อย” รวมถึงคำ “โจรห้าร้อยจำพวก” ทำให้คิดว่าคงจำเป็นต้องเข้าไปสำรวจดูกันสักหน่อยละ ว่า “โจรห้าร้อยจำพวก” ที่มีพูดกันในเมืองไทยอย่างกว้างขวางพอควรแล้วนั้น มี “โจร” จำพวกไหนบ้างที่น่าสนใจ และน่าจะตรงกับความหมายของคำ “โจรห้าร้อย” มากที่สุด
ก็พบว่ามีหลายคำที่น่าสนใจ และ “เชื่อมโยง” กับคำ “โจรห้าร้อย” ได้ !
แต่เมื่อพยายามพิจารณาว่า ถ้าต้องเลือกเพียงคำเดียว ควรจะเลือกคำไหนดี ลองหาทัศนะหลายทัศนะในออนไลน์ที่ว่า ก็พบว่า คำที่น่าจะเหมาะ และน่าจะ “เชื่อมโยง” ได้ดีที่สุด ก็คือคำว่า “โจรใส่สูท”
เพื่อให้เห็น “ความ” ของคำนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะลองยกคำจากออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับคำ “โจรใส่สูท” มาให้ดูสัก 2-3 รายการก็แล้วกัน
รายการแรกย่อมต้องเริ่มต้นที่ “เอไอ.” (AI.) เมื่อตั้งคำถามให้เจ้านี่ลองพูดถึงคำ “โจรใส่สูท” ให้ฟังสักหน่อย ปรากฏว่าท่านก็เล่นเสียยาว จึงจะขอตัดเอาเฉพาะความส่วนที่เกี่ยวกับคำ “โจรใส่สูท” ชัดๆ มาให้ดูกันสักสั้นๆ ก็แล้วกัน
AI. ท่านว่าไว้อย่างนี้ :
“…วงการเมืองหรือธุรกิจ มีการใช้คำว่า “โจรใส่สูท” ในเชิงเปรียบเทียบถึงผู้มีอำนาจที่กระทำการทุจริต…”
กระชับและให้ “ความรู้สึก” บางอย่างวูบขึ้นสำนึกดีแท้!
เอาอีกสัก 2 วาทกรรมนะ ทั้ง 2 วาทกรรมเป็น “ความคิดเห็น” ของคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์รายวันออนไลน์
วาทกรรมแรกมาจากหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า ออนไลน์” ส่วนสำนวนที่ 2 ได้มาจาก “ผู้จัดการ ออนไลน์”
ทั้งคู่ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับ “โจรใส่สูท” ประเภท “นักธุรกิจและนักการเมืองของประเทศไทย” (โดยเฉพาะนักการเมืองในสภาล่าง คือ สภาผู้แทนราษฎร (ซึ่งก็คือ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของ “ประชาชน” นั่นแหละ) เอาเสียเลย!
แต่เมื่อหนังสือพิมพ์หรือ “นักหนังสือพิมพ์” ในประเทศไทย ที่มักจะเรียกตัวเองว่า “หมาเฝ้าบ้าน” (หมายถึงผู้ที่จะคอยเห่าหรือคอยกัด ถ้ามี “ผู้ร้าย” หรือ “โจร” จะเข้ามาขโมยหรือ “ปล้น” เอา “ภาษี” หรือ “ผลประโยชน์” หรือ “สิทธิอันชอบธรรม” ของประชาชน!)
จึงก็คงต้องเอามาให้ฟังกันให้ “ตาแจ้ง” (สำนวนปักษ์ใต้) กันบ้างละ
ส่วนจะจริงไม่จริงอย่างไรนั้น ถ้านักการเมืองที่ได้รับเลือกเป็น “สส.” อยู่ในสภาฯ ที่ถูกกล่าวหาจะเดือดร้อน สังคมไทยก็มีกฎหมายป้องสิทธิ์อยู่มากมาย และคนพวกนี้ก็มี “เครื่องมือ” ในการฟ้องร้องหรือ “จัดการ” กับเสียงที่ “เห็นต่าง” อยู่มากมาย อย่างที่ใครผู้สนใจเรื่องการบ้านการเมืองอยู่บ้างย่อมจะรู้กันดี
ส่วน “ชาวบ้าน” หรือ “ประชาชน” คนไหน กลุ่มไหน หรือ พวกไหน จะเชื่อไม่เชื่อ จะฟังไม่ฟัง จะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย นั่นเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญไทยอยู่แล้ว!
ดังนั้น ถ้าบรรดาท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ (มักมีคำต่อท้ายเช่นนี้เสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นพูดกันเองในสภาฯ) ทั้ง “ห้าร้อย” จะถูกขนานนามหรือเรียกว่าพวก “โจรห้าร้อย” จึงเป็นเรื่องที่ควรจะต้องฟังไว้ก่อนบ้าง
ส่วนจะเป็นไม่เป็นนั้น ต้องให้ชาวบ้านหรือประชาชนนั่นแหละเป็นผู้ตัดสินในที่สุด จะไปกลัวอะไร (ถ้าเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ปากพูดจริง)
ทีนี้ลองมาดู “วาทกรรม” ของคอลัมนิสต์ทั้งสองที่ว่า ดูกัน
รายแรก จากแนวหน้า ออนไลน์ มีข้อความดังนี้ :
“…‘โจรใส่สูท’ ในบ้านเรา มีอยู่มากมายหลายก๊วน มีทั้งในตลาดหุ้นและนอกตลาดหุ้น แถมยังมีบางก๊วนแอบแฝงอาศัยแม้กระทั่งวัด หากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง…ไม่ทำตัวเป็นแค่ ‘เสือกระดาษ’ ย่อมจะช่วยปกป้องประชาชนมิให้ตกเป็นเหยื่อ ถูกพวก ‘โจรใส่สูท’ ขย้ำเอาได้…”
อีกราย คือจาก “ผู้จัดการรายวัน ออนไลน์” เขาว่าไว้ยังงี้!
“…สำหรับเหล่า “จอมโจรใส่สูท” ในสภาและรัฐบาลแล้ว ไม่มีอะไรจะดีเลิศประเสริฐศรีไปกว่า การได้ปล้นบ้านปล้นเมืองโดยไม่มีความผิดทางกฎหมาย อีกทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาจับเข้าคุก…”
ฟังทัศนะเรื่อง “โจรห้าร้อยในสภาฯ” แบบนี้แล้วเหนื่อยใจจริงๆ ท่านละคิดเห็นกันยังไงบ้าง?
เอาเป็นว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของใครแต่ละใครดีกว่าละมั้ง? เรื่องไหนจริง เรื่องนั้นท้ายที่สุดก็ต้อง “ระเบิด” ออกมาเองแหละ แต่เรื่องที่ยืนยันได้แน่ๆ ก็คือ สำนวน “โจรห้าร้อย” นั้น เป็นสำนวนที่คนไทยในอดีตใช้กันมานานแล้วจริงๆ!!!