ข่าวภูมิภาค
79

ดราม่าสนั่นอุดร! “ก้อง ศรัณย์ ตำแซ่บ” ปะทะคารมตำรวจกลางตลาด เจ้าตัวเปิดใจยอมรับผิดแต่ไม่เมา–ไม่เสพ

แชร์ข่าว

ระอุเมืองอุดร!! “ก้อง ศรัณย์” เจ้าของร้านตำแซ่บ ไลฟ์สดปะทะคารมตำรวจหลังถูกตักเตือนเสียงดังกลางดึก เจ้าตัวยอมรับผิดที่เสียงดังแต่โต้กลับเพราะถูกพูดจาไม่ดี ยืนยันไม่ดื่ม–ไม่เสพ ขณะ “นารา เครปกระเทย” เหมาส้มตำแจกชาวบ้าน 5,000 บาท จุดกระแสโซเชียลเดือดอีกระลอก

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับ “ก้อง ศรัณย์” เจ้าของร้าน “ตำแซ่บ” ที่จ.อุดรธานี หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าเปิดเพลงและร้องเพลงเสียงดังยามดึกถึงตี 3–ตี 4 ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามร้านซึ่งเป็นโรงพยาบาล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจนำโดย ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รองสวป.สภ.เมืองอุดรธานี เข้าตรวจสอบและว่ากล่าวตักเตือน ในคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ปรากฏภาพขณะตำรวจเข้ามาที่ร้าน พร้อมขอให้หยุดเปิดเพลงเสียงดังและงดจำหน่ายอาหารในช่วงเวลานั้น ซึ่งเจ้าของร้านได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทำให้บรรยากาศตึงเครียด ก่อนเจ้าหน้าที่จะขอให้ “ก้อง ศรัณย์” หยุดพูด เพื่ออธิบายเหตุผลในการเข้าระงับเหตุและให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ

โดยจากภาพไลฟ์สดของ ก้อง ศรัณย์ จะเห็นว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเดินเข้ามาส่องไฟใส่และถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ทางฝั่งก้อง ศรัณย์ ตอบว่า “ตอนนี้เวลา 02.30 น.” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามต่อว่า “เมื่อไหร่จะปิดลำโพง” ก่อนกล่าวทำนองว่า “หรือจะให้จับ” ซึ่งก้องศรันย์ ก็ตอบกลับไปว่า “จะจับก็จับ” ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด จากนั้นตำรวจพยายามอธิบายว่า ได้รับการร้องเรียนจากโรงพยาบาลใกล้เคียงว่าร้านส้มตำเปิดเกินเวลาเสียงดังรบกวน ขอให้ปิดลำโพงและให้ความร่วมมือ แต่ระหว่างพูดคุย ทั้งสองฝ่ายก็มีปากเสียงกัน เสียงโต้เถียงดังออกมาในไลฟ์สดอย่างชัดเจน

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ “ก้อง ศรัณย์” เจ้าตัวชี้แจงว่า ตนเป็นคนชอบร้องเพลง เวลาว่างจากการขายส้มตำก็มักจะร้องเพลงเพื่อผ่อนคลาย ยอมรับว่าเสียงอาจดังบ้าง แต่ไม่ได้ตั้งใจรบกวนใคร และเมื่อใดที่ตนทำอะไร ก็มักจะกลายเป็นประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลเสมอ “คนแถวนั้นชอบแจ้งว่าผมร้องเพลงเสียงดัง ส่วนโรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ ถ้ามีการร้องเรียน ตำรวจก็จะลงมาตรวจ เขาก็บอกให้หยุด ซึ่งผมก็หยุด ไม่เคยขัดขืนอะไรแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสในโลกออนไลน์ที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่าในวันเกิดเหตุเจ้าตัวอยู่ในอาการมึนเมาหรือเกี่ยวข้องกับสารเสพติดหรือไม่ “ก้อง ศรัณย์” ยืนยันชัดว่า “ผมไม่ดื่มของมึนเมาเลยครับ ไม่เคยแตะเหล้า และที่สำคัญผมไม่เสพยาแน่นอน เรื่องนี้ผมยืนยันได้เต็มร้อย” เจ้าของร้านตำแซ่บยังกล่าวถึงเหตุการณ์ในคลิปว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจจะมาตรวจ มีการใช้ไฟส่องหน้าและพูดจาในลักษณะวางอำนาจ “ถ้าตำรวจพูดดี ๆ แนะนำตัวเอง และอธิบายเหตุผล คนก็เข้าใจได้ แต่พูดจาเหมือนนักเลง บอกให้หยุดขาย ผมก็เลยมีอารมณ์ขึ้นตามในคลิป ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ขัดขืน แค่โมโหที่พูดกันไม่ดี”

ก้อง ศรันย์ ยังกล่าวอีกว่า คลิปที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ไม่ใช่คลิปเต็ม “เขาตัดบางส่วน ทำให้คนเข้าใจผิด ถ้าลงคลิปเต็ม ๆ คนจะเห็นว่าผมให้ความร่วมมือ ไม่ได้มีปัญหากับเจ้าหน้าที่” ผมขอตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของตำรวจในพื้นที่ตลาดรถไฟว่า “ทำไมถึงโฟกัสแต่ร้านผม ทั้งที่บริเวณนี้ก็มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งน้ำกระท่อม วัยรุ่นมั่วสุม มียาเสพติด แต่ไม่จัดการ กลับมาจับตาร้านผมเรื่องร้องเพลงเสียงดังแค่ร้านเดียว

ตอนท้าย ก้อง ศรันย์ พูดทิ้งท้ายว่า ขอยอมรับผิดในส่วนของตน และขอโทษหากสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน แต่ยืนยันว่าขณะตำรวจเข้ามาตรวจ ตนให้ความร่วมมืออย่างดีและปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างหลังเหตุการณ์ดังกล่าว แม้ผมจะเป็นหนุ่ม LGBTG แต่มีเชื้อลูกชายหยามกันเกินไป ผมไม่ได้ขัดขืน แค่โมโหตำรวจพูดจาไม่ดีผมเลยด่าสวนกลับก็แค่นั้น

ซึ่งหลังจากมีเรื่องปะทะคารมกับตำรวจ ทาง“นารา เครปกระเทย” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้โอนเงินมาเหมาส้มตำมูลค่า 5,000 บาท แจกให้ประชาชนบริเวณนั้น สร้างสีสันและเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์อีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียล ทั้งในมุมของความเหมาะสมในการทำกิจการยามค่ำคืน และบทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต่างคนต่างมุมมอง

ทางด้าน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทน์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยถึงกรณีคลิปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะคารมกับพ่อค้าส้มตำภายในตลาดรถไฟ ที่ถูกแชร์ในโลกโซเชียลว่า เหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากร้อยเวร 20 ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีร้านอาหารเปิดเครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังรบกวน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่าร้านส้มตำดังกล่าวมีการเปิดเพลงเสียงดังจริง ขณะนั้นบริเวณใกล้เคียงมีโรงพยาบาลอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตักเตือนให้ลดเสียง และขอให้งดใช้เครื่องขยายเสียงชั่วคราว แต่เกิดการโต้เถียงกันขึ้นตามคลิปที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียล ผู้กำกับฯ ยืนยันว่า ขณะที่ตำรวจพูดคำว่า “หยุด” นั้น หมายถึงให้ หยุดใช้เสียง ไม่ได้หมายความว่าให้ หยุดขายของ ตามที่บางส่วนเข้าใจผิด เรื่องนี้ขอยืนยันตำรวจทำหน้าที่หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียจากประชาชน พร้อมฝากเตือนผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการต่าง ๆ หากมีใบอนุญาตประกอบกิจการก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องเสียง ควรคำนึงถึงชุมชนและประชาชนโดยรอบ เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียนในอนาคต

ขณะเดียวกันคุณเจี๊ยบ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านหมาล่าด้านหลังร้านส้มตำ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดราม่า “ก้อง ศรัณย์” นักร้องหนุ่มที่ถูกตำรวจเข้าตรวจสอบเรื่องเสียงดังว่า ปกติ “น้องก้อง ศรัณย์” มักจะร้องเพลงแบบนี้อยู่เป็นประจำ เสียงก็ไม่ได้ดังรบกวน เพราะลำโพงหันไปทางที่จอดรถ ไม่ได้หันเข้าไปยังโรงพยาบาล

เจี๊ยบ เล่าต่อว่า เสียงร้องเพลงของก้องศรัณย์นั้นไม่ดังมาก “ก็เหมือนคนร้องคาราโอเกะในบ้านธรรมดา” ยืนยันว่าเสียงไม่ถึงโรงพยาบาลแน่นอน เพราะตนเคยสอบถามพยาบาลแผนกฉุกเฉินที่มาซื้อหมาล่าบ่อย ๆ ก็ได้รับการยืนยันเช่นกันว่า “ไม่เคยได้ยินเสียงเพลงจากฝั่งตลาด”

ขอยืนยันเสียงร้องเพลงของก้อง ศรัณย์ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับพ่อค้าแม่ค้าหรือคนที่มาตลาด แถมบางครั้งยังทำให้หลายคนอดขำไม่ได้ “เพราะเขาร้องไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ แต่ก็สร้างสีสันดี” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสดราม่าที่ก้องศรัณย์มีปากเสียงกับตำรวจ คุณเจี๊ยบให้ความเห็นว่า “ส่วนตัวมองว่าคุณก้องศรัณย์พูดมีเหตุผลนะ เพียงแต่ใช้คำพูดแรงไปหน่อย อาจจะเพราะอารมณ์ในตอนนั้น”

ข่าวแนะนำ