กยท. ลงนาม MOU กับบริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เดินหน้าบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้สมดุลกับความต้องการตลาด หนุนเกษตรกรมีแหล่งรองรับผลผลิตที่เป็นธรรม ดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาค
วันที่ 14 ต.ค.68 ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมด้วยนายเกริกกุล โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ-ด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางด้านการบริหารจัดการผลผลิตยางพารา” เพื่อหนุนแหล่งรองรับผลผลิตยางที่เป็นธรรมแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง มุ่งสร้างสมดุลผลผลิตยาง-ความต้องการใช้ในตลาด ดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาค ณ ห้องประชุมราชไมตรี อาคาร 50 ปี การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่

ดร.เพิก กล่าวว่า การลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่าง กยท. กับ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ปฯ ในครั้งนี้ เป็นการเดินหน้าความร่วมมือเพื่อมุ่งบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้มีความสมดุล สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่เสถียรภาพด้านราคายางได้ในระยะยาว และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราในภูมิภาค เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง โดย กยท. จะรวบรวมผลผลิตยางพาราจากตลาดกลางยางพาราและตลาดเครือข่ายของตลาดกลางยางพาราทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 5,000 ตันต่อเดือน พร้อมตรวจสอบแหล่งผลิตและประเมินความเสี่ยงตามมาตรการ EUDR หรือมาตรฐานอื่นๆ และออกเอกสารข้อมูลการซื้อขายยางให้แก่ผู้ซื้อ คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) อย่างครบถ้วน

“กยท. พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อบริหารจัดการผลผลิตยางพาราให้สมดุล ตรงตามความต้องการของตลาด ควบคู่กับการหาแหล่งรองรับผลผลิตยางพาราที่เป็นธรรมให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยางของไทย” ดร.เพิก กล่าว

ด้าน นายเกริกกุล กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันลงนามครั้งสำคัญในวันนี้ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง มีแหล่งรองรับผลผลิตยางพาราในราคาที่เป็นธรรม โดยยินดีรวบรวมผลผลิตยางจาก กยท. เพื่อหาผู้ที่มีความต้องการใช้ยางในตลาดก่อนตรวจสอบคุณสมบัติยางตามเกณฑ์มาตรฐานของบริษัทฯ และจัดจำหน่ายผลผลิตสู่ตลาดทั้งในประเทศและนอกราชอาณาจักรต่อไป