การเมืองทั่วไป
101

“สว.กอบ” ฉะ สส.ไม่รู้จักวุฒิภาวะ! แปลกใจนึกว่าประชุม “อภิปรายไม่ไว้วางใจ สว.” ลั่น โกรธฟูมฟายเพราะ "ลูกโป่งหลุดมือ"

แชร์ข่าว

ลุกเป็นไฟ! “สว.กอบ” ลุกขึ้นอภิปรายอย่างดุเดือดกลางรัฐสภา โต้กลับฝ่ายการเมืองที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 พร้อมสวนกลับแรง ไม่เข้าใจทำไมต้อง "แขวะ" สว. ลั่นปัญหาทุกวันนี้เกิดจาก "คนโกง" ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ และเตือน สส. ให้เลิกนิสัย "โทษคนอื่น" ก่อนจะจวกกลับว่าผู้ที่ใช้อำนาจล้นเกินคือ "ฝ่ายบริหารที่พยายามแทรกแซงองค์กรอิสระ

วันที่ 14 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อมาพ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. อภิปรายว่า ขอให้ข้อสังเกตของร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ก่อนอื่นตนแปลกใจมากว่าวันนี้มีการประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจสว. ตนไม่ทราบว่าทำไมเราไม่มีวุฒิภาวะ ถึงขนาดนี้ยังไม่รู้อะไรกัน ทำไมต้องแขวะ ตน ไม่เข้าใจว่าสว.ไปเหยียบหัวแม่ตีนสส.เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักเด็ก ถ้าสุภาษิตก็บอกว่ารำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า ความจริงรัฐธรรมนูญปี 60 มันดีอยู่แล้ว ถ้าอยากจะแก้ก็ไปดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่ามาเบี่ยงเบน และกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญ บางท่านก็บอกว่าไม่สามารถถอดถอนองค์กรอิสระได้ ท่านก็เข้าใจผิด อ่านกฎหมายไม่รู้ดูกฎหมายไม่เป็น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหน้าที่ตรวจสอบความชอบหรือไม่ชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เวลาพูดว่าคนอื่นแล้วว่าดี ขอให้เลิกนิสัยแบบนี้ประเทศชาติจะได้เจริญ เอาเรื่องส่วนตัวมาพูดในสภาไม่ควรอย่างยิ่ง เอาให้ได้สาระ นัดเวลาประชุมเช้าก็มาเกินเวลาแล้วไปเลิกเที่ยงคืน ถามว่าได้ประโยชน์อะไร บั่นทอนสุขภาพคนแก่

พ.ต.อ.กอบ กล่าวต่อว่า ขอให้ข้อสังเกต 2-3 ประเด็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ประเด็นแรกท่านบอกว่ารัฐธรรมนูญ 60 มีกฎบัญญัติที่ต่อขัดหลักการ ขัดต่อความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และถูกรับรองด้วยประชามติที่ไม่เสรี และเป็นธรรม ท่านพูดได้อย่างไร ท่านเข้ามาในกติกานี้ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 มีทุกอย่างให้ท่าน ไม่เสรีอย่างไร มีการทำประชามติตามกระบวนการ ท่านต่างหากที่ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งมีมาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของกองชนชาวไทย ทำไมไม่อ่าน วรรค 2 ที่ระบุว่า รัฐสภา คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระ หน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย โดยหลักนิติธรรม ท่านไม่อ่าน แล้วไปสอนคนอื่น ตนไม่อยากจะบอกที่เราเป็นมาทุกวันนี้ เพราะไปโทษคนอื่น ไปโทษรัฐธรรมนูญ

“ผมยืนยันว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือคน โดยเฉพาะคนโกง ยืนยันองค์กรอิสระให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญด้วยความกล้าหาญ องค์กรอิสระไม่เคยใช้อำนาจเกินเลย ทำตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ที่บอกว่าที่ใช้อำนาจล้นเกิน ไม่ใช่ ใช้อำนาจล้นเกินคือท่านต่างหาก มีฝ่ายบริหารพยายามแทรกแซงก้าวก่ายแทรกแซงองค์กรอิสระ พอครอบงำไม่ได้ พอศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าให้ถอยออกไป อย่ามาทำตรงนี้ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ท่านก็โกรธโวยวาย ฟูมฟายเพราะลูกโป่งหลุดมือไป ทำอย่างนี้ได้ยังไง สุภาษิตไทยบอกว่า “โทษท่านอื่นเพี้ยงเมล็ดงา มองติฉินนินทาผ่อนเว้น โทษตนเท่าภูผาหนักอึ้ง ต้องปิดคิดซ่อนเร้นเรื่องร้ายหายศูนย์”พ.ต.อ.กอบ กล่าว

พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า ท่านบอกว่าที่เป็นปัญหาทุกวันนี้เพราะประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ ตรวจได้ มีประชาชนกลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบเรื่องบริหารโทษ และกลับมาบังคับตามกฎหมาย ก็กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตนไม่อยากจะพูดให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อองค์กรนิติบัญญัติ จึงขอฝากข้อคิดให้สมาชิกรัฐสภา “ในโลกที่เต็มไปด้วยคนดีแต่พูด มีเพียงไม่กี่คนที่ลงมือทำจริง คำพูดอาจสร้างภาพลักษณ์ชั่วครู่ แต่การกระทำต่างหากที่สร้างความน่าเชื่อถือที่ยั่งยืน ความเก่งไม่ได้วัดกันที่คำพูด หากอยู่ที่ความสามารถในการปฏิบัติ คนเก่งจริงไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว เพราะผลงานย่อมเป็นเสียงพูดที่ดังกว่าที่สุด อย่าหลงใหลกับความรู้ที่ไม่เคยก่อประโยชน์ หรือภาคภูมิใจกับความพยายามที่ไร้ผลสำเร็จ เพราะในสนามชีวิตจริง ผู้ชนะคือผู้ที่ทำสำเร็จแบบเงียบๆ และคนรู้มากอาจแพ้คนชำนาญ และคนทำมากอาจแพ้คนที่ทำสำเร็จ

ข่าวแนะนำ