เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้รัฐบาลของเขากำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่จากฝ่ายค้าน ที่ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจถึง 2 ฉบับ ซึ่งอาจนำไปสู่การล้มรัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่รุนแรงที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ
ประธานาธิบดีมาครง ซึ่งอยู่ระหว่างภารกิจเยือนประเทศอียิปต์ ได้แถลงผ่านสื่อว่า ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกำลัง “บ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศ” พร้อมยืนยันว่าจะทำหน้าที่จนถึงครบวาระในปี 2570 โดยกล่าวว่า “ผมคือผู้รับประกันความต่อเนื่องและเสถียรภาพ และจะทำหน้าที่นี้ต่อไปจนถึงที่สุด”
สถานการณ์ทางการเมืองของฝรั่งเศสยังคงชะงักงัน หลังรัฐบาลเสียงข้างน้อยหลายชุดก่อนหน้านี้ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อลดการขาดดุลผ่านสภาได้ เนื่องจากสภามีการแบ่งขั้วทางอุดมการณ์ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ส่งผลให้ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี มาครงต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 5 คน
เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา มาครงได้แต่งตั้ง เซบาสเตียน เลอกอร์นู (Sébastien Lecornu) กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังลาออกไปเมื่อต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายซ้ายจัด La France Insoumise (LFI) และพรรคขวาจัด National Rally (RN) ต่างยื่นญัตติไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลทันทีในวันจันทร์ (13 ต.ค.)
คาดว่าการลงมติจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม โดยผลลัพธ์ของรัฐบาลจะขึ้นอยู่กับท่าทีของ พรรคสังคมนิยม (Socialists) ซึ่งเสนอเงื่อนไขว่ารัฐบาลต้องยกเลิกแผนปฏิรูประบบบำนาญ และระงับการใช้อำนาจตามมาตรา 49.3 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลผ่านกฎหมายได้โดยไม่ต้องผ่านการลงมติในสภา
ด้าน จอร์แดน บาร์เดลลา (Jordan Bardella) หัวหน้าพรรค RN กล่าวว่า “ผมไม่ใช่คนยึดติดกับขั้วการเมือง แต่สิ่งที่ฝรั่งเศสต้องการตอนนี้คือหยุดยั้งเส้นทางของเอ็มมานูเอล มาครงให้ได้”
ต้นเหตุของวิกฤตครั้งนี้เกิดจากแรงกดดันด้านการคลัง เนื่องจากฝรั่งเศสมีอัตราการขาดดุลสูงที่สุดในกลุ่มยูโรโซน ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีสองคน คือ มิเชล บาร์นิเยร์ (Michel Barnier) และ ฟรองซัวส์ บายรู (François Bayrou) ต่างต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถผลักดันร่างงบประมาณปี 2568 และ 2569 ให้ผ่านสภาได้
มาครงกล่าวปิดท้ายว่า “กลุ่มการเมืองที่โหวตล้มรัฐบาลของฟรองซัวส์ บายรู และพยายามสร้างความไร้เสถียรภาพให้กับรัฐบาลของเซบาสเตียน เลอกอร์นู ต้องรับผิดชอบต่อความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว”
#มาครง #EmmanuelMacron #ฝรั่งเศส #วิกฤตการเมืองฝรั่งเศส #รัฐบาลฝรั่งเศส #ข่าวต่างประเทศ #LFI #RN #ข่าวโลก #FrenchPolitics #FranceCrisis