คำว่า "เสียม" ซึ่งเป็นคำที่ชาวกัมพูชาใช้เรียกประเทศไทยหรือคนไทย คำนี้ไม่ใช่แค่คำศัพท์ทั่วไป แต่เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์และเป็นเครื่องมือทางสังคมที่มีพลังอย่างยิ่ง
คำว่า "เสียม" มีรากฐานมาจาก "สยาม" ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมของประเทศไทย คำนี้ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์เขมรมาตั้งแต่โบราณ เช่น การจารึกในสมัยพระนคร โดยเฉพาะภาพสลักที่ปราสาทนครวัดที่กล่าวถึง "สฺยำกุก" ดังนั้น โดยพื้นฐานทางภาษาศาสตร์แล้ว "เสียม" คือคำที่สะท้อนการออกเสียงและระบบการเขียนของภาษาเขมรต่อชื่อเรียกชนชาติและดินแดน "สยาม" ในอดีต
ปัจจุบัน ภาษาเขมรมีคำเรียกคนไทยอยู่ 2 คำ คือ "เสียม" และ "ไถ" (ออกเสียงว่า ไทย) คำว่า "ไถ" เป็นคำที่ถูกใช้มากขึ้นในบริบทที่เป็นกลางและเป็นทางการ ตามการเปลี่ยนชื่อประเทศอย่างเป็นทางการจากสยามเป็นไทย ส่วนคำว่า "เสียม" ยังคงถูกใช้อยู่ แต่บ่อยครั้งถูกนำไปใช้ในบริบทที่มีนัยยะทางประวัติศาสตร์ การเมือง และความขัดแย้ง การที่เมืองสำคัญของกัมพูชามีชื่อว่า "เสียมเรียบ" ที่แปลว่า 'สยามราบเรียบ' ก็เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์เชิงอำนาจและบาดแผลทางประวัติศาสตร์นี้
ในบางแง่มุม "เสียม" จึงกลายเป็นคำที่มีความหมายซ้อนทับ นอกเหนือจากความหมายทางภูมิศาสตร์และการเมืองแล้ว ยังมีรายงานว่าในภาษาแสลง คำนี้อาจแฝงความหมายเชิงลบ เช่น การดูถูก หรือความหมายที่แปลว่า "หัวขโมย" ด้วย ซึ่งเป็นการสะท้อนทัศนคติและความรู้สึกเชิงลบที่ฝังรากลึกในบางกลุ่มต่อชนชาติข้างเคียง
กรณีของคำว่า "เสียม" เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าภาษาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่เป็นคลังประวัติศาสตร์และอารมณ์ความรู้สึกร่วมของสังคม การเลือกใช้คำใดคำหนึ่งระหว่าง "เสียม" กับ "ไถ" จึงไม่ใช่แค่การเลือกคำพ้องความหมาย แต่เป็นการเลือกที่จะเรียกใช้หรือระงับความขัดแย้งในอดีต การใช้คำในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำว่า "เสียม" ในแง่ลบ หรือการใช้คำเหยียดชาติพันธุ์อื่น ๆ ล้วนเป็นรูปแบบของการเหยียดชาติ และการสร้างความเกลียดชังที่ควรแก้ไข
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ไทยต้องเผชิญมากกว่าการเหยียดชาติด้วยคำว่า “เสียม” จากกัมพูชา ที่ผ่านมาเรายังเผชิญกับพฤติกรรม “เสี้ยม” ที่สร้างบาดแผลและรอยร้าวแตกลึก ที่ไม่ใช่แค่การเหยียดชาติ แต่เป็นเหยียบย่ำซ้ำเติมประเทศไทย
#เสียม #สยาม #กัมพูชา #ไทย #เหยียดชาติ #บาดแผลประวัติศาสตร์ #SEO