ปอท. จับ 2 หนุ่มดอย เครือข่ายหลอกลงทุนเพจชาชื่อดัง ถอนเงินเหยื่อรายวันรวมเดือนละกว่า 10 ล้าน เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเพจหลอกลงทุน
วันที่ 11 ต.ค.68 ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.ร่วมกันจับกนายสมชัย อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 8510/2568 ลงวันที่ 2 ต.ค.2568 และจับนายมงคล อายุ 43 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5812/2568 ลงวันที่ 2 ต.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ โดยทุจริตหรือหลอกลวง , ร่วมกัน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ” โดยจับบริเวณหน้า สน.สุทธิสาร แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ และบริเวณหน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

การจับครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามีเพจชาชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง ยิงแอดโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กชักชวนให้ลงทุน เมื่อกดที่โฆษณา เพจดังกล่าวจะส่งลิงก์ให้เพิ่มเพื่อน Line Official และดึงเข้ากลุ่มที่มีหน้าม้าเป็นสมาชิกกว่า 350 คน ก่อนจะส่งลิงก์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลอกลงทุน โดยเมื่อกดแคมเปญแรก ได้เงินเข้าบัญชี 348 บาท ผู้เสียหาย หลงเชื่อและโอนเงินเพื่อลงทุน โดยคนร้ายจะมีข้ออ้างในการให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปลดล็อกบัญชีและถอนเงินจากเครดิตที่แสดงในแพลตฟอร์มปลอม ซึ่งผู้เสียหายโอนไปรวม 6 ครั้ง กว่า 1 ล้านบาท และไม่สามารถถอนเงินได้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและได้เข้าแจ้งความ
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการนำเงินออกจากบัญชีม้าทันทีทั้งการถอนเงินสดที่สาขาธนาคาร และกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายและขออนุมัติหมายจับผู้กระทำผิดต่อศาล โดยตัวการในการคุมบัญชีม้าไปตระเวนถอนเงินสดที่สาขาธนาคาร คือ นายสมชัย ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง และตัวการในการตระเวนกดเอทีเอ็ม คือ นายมงคล จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเข้าตรวจค้นจับผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลาง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ , บัตรเอทีเอ็ม , สมุดบัญชี ของบัญชีม้า และเสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามนายสมชัย รับว่าเป็นผู้พาบัญชีม้าไปตระเวนถอนเงินวันละกว่า 1 ล้านบาท จากนั้นจะนำไปส่งที่ร้านรับแลกคริปโตเถื่อนสกุล USDT ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยจะได้รับค่าจ้างวันละ 3,000 - 5,000 บาท ส่วนนายมงคล รับว่า เป็นผู้ตระเวนกดเอทีเอ็มโดยจะไปที่ตู้เอทีเอ็มและถ่ายคิวอาร์โค้ด สำหรับถอนเงินส่งให้บัญชีม้าสแกนคิวอาร์โค้ดจากระยะไกล เพื่อถอนเงินและนำไปส่งให้ผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งนายสมชัย และนายมงคล รับอีกว่าตระเวนถอนเงินและกดเงินสดทุกวัน รวมกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง ขอเตือนภัย ไม่ควรหลงชื่อเพจที่มีการชักชวนให้ทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อรับผลตอบแทนซึ่งเป็นขบวนการเดียวกับมิจฉาชีพ และพบว่า มีการใช้บัญชีม้านิติบุคคล เพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับ โอน ถือครอง หรือแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดถือเป็นความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามกฎหมาย
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง