จะเรียกว่า“ม้ามืด”ก็ได้ สำหรับผู้ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ที่เพิ่งประกาศจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อเวลา 17.00น.ตามในเวลาประเทศไทย วันศุกร์ที่10 ตุลาคมนี้ โดย นายยอร์แกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการตัดสินโนเบลสาขาสันติภาพ ยืนยันว่าผลของการตัดสินเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเจ้าของรางวัล คือ นายอัลเฟรด โนเบล
แต่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำประเทศอภิมหาอำนาจโลก สหรัฐอเมริกา ผู้หมายมั่นปั้นมือให้คะแนนตัวเองสูงกว่าบุคคลอื่นๆทั้งโลก
ทรัมป์ กล้าหาญชาญชัยอย่างไร ที่ประกาศให้คนทั้งโลกว่าถ้าตนไม่ได้ ถือว่าไม่ให้เกียรติประเทศสหรัฐอเมริกา
ฝรั่งผู้ดีถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพที่สุด
เป็นคำตำหนิที่ฟังแล้วเป็นคำสุภาพ แต่ในความหมายแท้จริง เป็นคำตำหนิรุนแรงที่สุด
ภาษาบ้านๆแบบไทยๆ คือ ถ่อย นั่นเอง
นางมาเรีย คอรินา มาชาโด สุภาพสตรีวัยกลางคน คือ “ม้ามืด” ผู้คว้ารางวัลโนเบลสันติภาพไปครอง คว้าเงินรางวัลราว 1.19 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 39 ล้านบาทไทย นอกเหนือจากประกาศนียบัตรเกียรติคุณเป็นทอง 18 เค
นางมาเรีย คือใคร ได้เป็นม้ามืดคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพจากการทำงานอย่างหนักไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อยเพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยให้กับประชาชนชาวเวเนซุเอลา และต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย
เรามาทำความรู้จักประเทศเวเนซุเอลา หลังหมดยุคเผด็จการ ฮูโก ชาเวซ ผู้ที่สืบต่ออำนาจเผด็จการ เป็นผู้นำการปกครองประเทศเวเนซุเอลาคือ นายนิโกลัส มาดูโร ยาวนานติดต่อกัน 12 ปี และไม่มีทีท่าจะลงจากอำนาจเผด็จการอย่างง่ายๆจนถึงปัจจุบัน
ขึ้นชื่อว่าเผด็จการ คุณลักษณะที่โดดเด่นคือ ความโหด โทษของผู้ขัดขวางอุดมการณ์เผด็จการ มีสถานเดียวคือ ตาย
นางมาเรีย คอรีนา มาชาโด เป็นนักการเมืองมีสถานะเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา จึงไม่พลาดที่จะถูกหมายหัวคาดโทษตาย ที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ได้จนถึงวันนี้ วันที่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ
เหรียญยังมีสองด้าน
อีกด้านหนึ่งของเหรียญมีความเห็นว่า ผลงานของ นางมาเรีย เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพปีนี้ เป็นเพียงผลงานในประเทศตัวเอง โดดเด่นอยู่ในเฉพาะเวเนซุเอลา
เป็นวงแคบๆไม่กว้างพอที่จะได้รับรางวัลนี้
ถึงขนาดมีผู้สังเกตว่าตอนประกาศผลผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ ณ หอประชุมใหญ่ กรุงออสโลว์ นอร์เวย์ คือ นางมาเรีย สิ้นเสียงประกาศห้องประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงปรบมือให้ได้ยินเหมือนทุกครั้ง
แม้กระนั้น ก็ใช่ว่าจะมีเสียงชื่นชม ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ได้มีการพูดถึงไม่
คือต่อให้ไม่ใช่นางมาเรีย ก็ ไม่ใช่ทรัมป์ แน่นอน
แม้แต่ล่าสุด มีการเจรจายุติสงครามรหว่างอิสราเอลกับฮามาส สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ตกลงกันถึงขั้นแลกเปลี่ยนตัวประกันกันแล้ว
โดยเฉพาะ 25 ตัวประกันอิสราเอลที่อยู่
ในการควบคุมของฮามาส ก็กำลังจะกำหนดวันส่งตัวประกันคืนให้แก่อิสราเอล
ประธานาธิบดีทรัมป์ ชิงเอาหน้า โทรศัพท์ข้ามทวีปไปแสดงความยินดีกับบรรดาเครือญาติตัวประกันถึงบ้าน
เป็นการการันตีว่าสงครามอิสราเอลกับฮามาสยุติลงแน่
ส่งผลถึงภาพรวมสันติสุขจะคืนสู่ประเทศอาหรับในตะวันออกกลางทั้งหมด
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า ผลงานยุติสงครามในตะวันออกกลาง ที่เกิดจากการหยุดสงครามอิสราเอลกับฮามาสได้ จะเป็นผลงานที่มีผลต่อภูมิภาคและอาจจะรวมถึงโลกก็ได้ สมควรที่จะให้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ มากกว่า นางมาเรีย ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลาหลายช่วงตัว
นางมาเรีย เป็นผลงานแคบๆภายในประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นผลงานอย่างน้อยๆก็ระดับภูมิภาค และ อาจส่งผลถึงระดับโลก
แต่…แต่ ต้องบอก ทรัมป์ ว่า มันช้าไปหน่อย
เพราะผลการตัดสินรางวัลโนเบลสันติภาพ เสร็จสิ้นไปก่อนหน้านี้ราว 2 สัปดาห์
เปรียบเหมือน ทรัมป์ส่งข้อสอบ หลังข้อสอบออกแล้ว
ฝากผลงานยุติสงครามอิสราเอลกับฮามาส ที่จะส่งสันติสุขให้กับตะวันออกกลาง ไว้รอรับรางวัลโนเบลสันติภาพในปีหน้า
อยู่ที่ว่าจากนี้ไป อย่าหัวร้อน ฟาดหัวฟาดหาง เที่ยววางกล้าม
ใช้วาจาแบบยกตนข่มท่าน เหมือนที่แล้วๆมา
ภาษาผู้ดีเรียกว่าไม่สุภาพ สมควรได้ ก็ไม่มีใครให้