เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ปราศรัยต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ExCom) โดยกล่าวโจมตีการกระทำของไทยว่าเป็นการรุกรานและพยายามขยายอาณาเขตเข้ามาในกัมพูชา พร้อมยกการขับไล่ครอบครัวชาวกัมพูชาที่อาศัยมายาวนานหลายชั่วอายุคนเป็นตัวอย่างของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการขาดระบบพหุภาคี
หนังสือพิมพ์ Phnom Penh Post รายงานว่า นายดารา อิน เอกอัครราชทูรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา เน้นย้ำความสำคัญของหลักการพหุภาคี พร้อมยกกรณีการกระทำฝ่ายเดียวของไทยบริเวณแนวชายแดนว่าเป็นสัญญาณของการล่มสลายของบรรทัดฐานระหว่างประเทศ
ในการปราศรัยต่อผู้ร่วมประชุม นายดาราอธิบายว่า กัมพูชาเคยเผชิญการพลัดถิ่นและความขัดแย้ง แต่สามารถฟื้นฟูประเทศได้ด้วยกฎหมาย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ รวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อคุ้มครองผู้ด้อยโอกาสและดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ทว่า แนวชายแดนของกัมพูชายังคงถูกทดสอบอย่างหนัก
“การบุกรุกด้วยอาวุธจากประเทศไทยทำให้พลเรือนพลัดถิ่น ทำลายที่อยู่อาศัย วัด และเจดีย์ และปิดปากชุมชนที่เคยสงบสุข” นายดารากล่าว พร้อมระบุว่า ปรากฏการณ์ที่น่าตกใจยิ่งคือการขับไล่ครอบครัวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยในพื้นที่ภายใต้การปกครองของกัมพูชามาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ข้ออ้างภายในประเทศที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเพิกเฉยต่อข้อตกลงทวิภาคี
เขายังเตือนว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ชายแดน แต่เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่สี่ ซึ่งห้ามการบังคับโยกย้ายพลเรือน การทำลายหรือยึดทรัพย์สิน และการลงโทษหมู่ นายดารากล่าวว่า ความสูญเสียของประชาชนร้ายแรงมาก ครอบครัวต้องหลบหนีอย่างหวาดกลัว วิถีชีวิตถูกทำลาย พระภิกษุ ครู และเด็ก ๆ ต้องละทิ้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสถาบันการศึกษา หมู่บ้านที่เคยเจริญกลับกลายเป็นพื้นที่ร้างและรอยแผลเป็นจากความขัดแย้ง
ในคำปราศรัย นายดารายังเรียกร้องการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน และให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ผิดกฎหมายรอบที่อยู่อาศัยของพลเรือน เช่น รั้วและบังเกอร์ที่อ้างว่าไทยได้สร้างขึ้น เขากล่าวว่า กัมพูชาดำเนินการด้วยความยับยั้งชั่งใจ เคารพกฎหมาย และยึดมั่นในหลักความยุติธรรมและมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมรับการรุกรานหรือการขับไล่ชุมชนอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ นายดาราอ้างถึงกรณีที่ทหารกัมพูชา 18 นาย ถูกควบคุมไว้โดยฝ่ายไทย ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นการจับกุมและควบคุมที่ไม่อาจยอมรับได้ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติยึดมั่นทฤษฎีและหลักปฏิบัติด้านมนุษยธรรม ในการเสริมสร้างการคุ้มครองภาคสนามและปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศจากการถูกบ่อนทำลายด้วยเหตุผลทางการเมือง
หลังการปราศรัย นายดาราให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นกัมพูชาโดยกล่าวว่า เขารู้สึกปลาบปลื้มที่ได้ยกเสียงของผู้คนแนวชายแดนขึ้นสู่เวทีระหว่างประเทศ และย้ำพันธกิจในฐานะเอกอัครราชทูตว่า ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของประชาชนกัมพูชาไม่ให้ถูกลืม “เมื่อกฎหมายถูกเหยียบย่ำและความเป็นมนุษย์ถูกปฏิเสธ ความเงียบไม่ใช่คุณธรรม แต่เป็นการยอมจำนน ซึ่งไม่เคยเป็นเส้นทางของเรา” เขากล่าว
#กัมพูชา #ไทย #ชายแดน #ExCom #UN #เจนีวา #ผู้ลี้ภัย #สิทธิมนุษยชน #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวชายแดน