ผู้การวิศรุฒน์
ในช่วงการเปลี่ยนตัว แม่ทัพนายกอง เพราะการเกษียณราชการและการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ของเก้าอี้แม่ทัพภาค 1 และ แม่ทัพภาค 2 ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตึงเครียด ส่งผลให้ผู้นำฝ่ายทหารจะต้องแสดงออก ถึงการเป็นทหารสายบู๊พร้อมรบ จึงได้ใจประชาชน
โดยมีโมเดลของ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาค 2 เป็นแบบอย่าง จึงเห็นได้ว่า “แม่ทัพไก่” พล.ท.วรส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาค 1 คนใหม่ ก็มาในแนวบู๊ ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งแม่ทัพภาค1 ต่อจาก บิ๊กใหญ่ พล.อ.อมฤต บุญสุยา ที่ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. “ขอให้ เชื่อมั่นกองทัพภาค 1 ในการปกป้องและรักษาอธิปไตย โดยจะทำเต็มความสามารถ และด้วยชีวิตและยึดถือผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ “ พล.ท.วรยส กล่าว
พร้อมลงพื้นที่ ชายแดนไทยกัมพูชาด้านจังหวัด สระแก้ว ทันทีในวันเดียวกัน และ เข้าพื้นที่บ้านหนองจาน และ หนองหญ้าแก้วในวันรุ่งขึ้น แสดงท่าทีขึงขังพร้อมที่จะรักษาอธิปไตยไทย “พร้อมปฏิบัติทันที เมื่อได้เปรียบ” ด้วยความที่เป็นทหารหน่วยรบจากกองพลบูรพาพยัคฆ์ และปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดสระแก้ว มาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ จึงทำให้ พล.ท.วรยส ถือเป็นนายทหารสายบู๊ อีกทั้งขึ้นมาท่ามกลางความคาดหวังในการแก้ไขปัญหาการถูกกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว

เพราะเมื่อครั้งที่ พล.อ.อมฤต เป็นแม่ทัพภาค 1 ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก และกลายเป็นแม่ทัพภาค1 ที่ไม่เป็นที่ประทับใจของประชาชนจากบทบาทการแก้ไขปัญหาชายแดน ที่ไม่เด็ดขาด และการขยับตัวในการสื่อสารชี้แจงตอบโต้ทำได้ช้า จนส่งผลให้เกิดความเข้าใจ และความเชื่อ ฝังรากลงลึก จนไม่รับฟังข้อเท็จจริงหรือการชี้แจงใดๆ จากทางกองทัพเพราะหลงเชื่อกระแสข่าวลือนั้นไปแล้ว
ส่งผลให้ พล.ท.วรยส จึงต้องปรับเรื่องการสื่อสารของกองทัพภาค1 ใหม่ ทั้งการเปิดเพจ “กองทัพภาค1 ทันเหตุการณ์” เป็นเพจใหม่เพื่อมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย รวมการปรับเปลี่ยนทีมงานโฆษก และการประชาสัมพันธ์ของกองทัพภาค 1 ใหม่ โดยยืมตัวทีมประชาสัมพันธ์ในส่วนกองทัพบกมาเสริม
ขณะที่ตัว พล.ท.วรยส แม้จะพูดน้อย เวลาให้สัมภาษณ์สื่อ แต่ก็นัดพบหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ สื่อมวลชน เพื่อสร้าง สร้างความรู้จักคุ้นเคยกันให้มากขึ้นและที่สำคัญคือสร้าง ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติงานของกองทัพภาค 1 และกองกำลังบูรพา ในการแก้ไขปัญหาการถูกรุกล้ำอธิปไตย
เพราะสำหรับ พล.ท.วรยส แล้ว ถือเป็นนายทหารคนสำคัญของกองทัพบก เพราะได้มาเป็นแม่ทัพภาค 1 ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยความเป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่น 28 ที่มีพลังอำนาจพิเศษสนับสนุน และต้องทำหน้าที่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) และเป็นกองทัพภาคเดียวของกองทัพบกที่ยังคงเป็นทหารคอแดง

และถือเป็นแคนดิเดตชิงผู้บัญชาการทหารบก ในอนาคต ที่ผ่านมา 70% ของนายทหารที่เป็นแม่ทัพภาค1 จะได้ขึ้นเป็นผบ.ทบ. โดยเฉพาะเมื่อ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เกษียณราชการในเดือนตุลาคม 2570
เพียงแต่แคนดิเดตที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทั้ง พล.อ.อมฤต สายตรง “ลุงตู่” และ “บิ๊กเต้” พล.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผช.ผบ.ทบ. เติบโตจากสายรบพิเศษ ที่มีองคมนตรีหลายท่านที่เติบโตมาจากทหารรบพิเศษ
ท่ามกลางการจับตามองว่าในยุคที่ พล.ท.วรยส มาเป็นแม่ทัพภาค 1 อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของกองทัพภาค 1 และ การทำงานของ ฉก.ทม.รอ.904 ในเรื่องของความต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาหน่วย
ดังนั้นภารกิจสำคัญของ พล.ท.วรยส นอกเหนือจากการปกป้องอธิปไตยและยึดคืนแผ่นดินไทย แล้วคือการเรียกศรัทธาคืนกลับมาให้ตำแหน่งแม่ทัพภาค1 กลับมาเป็นที่ไว้ใจของประชาชน
แต่ก็ต้องรอดูฝีมือของ พล.ท.วรยส ในการแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชาในพื้นที่ของกองทัพภาค 1 เสียก่อน ว่าจะประสบความสำเร็จและเป็นที่พอใจของประชาชนหรือไม่

#แม่ทัพภาค1 #พลทวรยสเหลืองสุวรรณ #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #บูรพาพยัคฆ์ #ทหารคอแดง #กองทัพภาค1ทันเหตุการณ์ #ความมั่นคงชายแดน #ศรัทธากองทัพ #ข่าวการเมือง #ข่าวความมั่นคง