คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ประกาศในวันนี้ว่า ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 คือ นางมาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ผู้ต่อสู้กับระบอบเผด็จการมายาวนานหลายทศวรรษ และยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตยอย่างไม่ย่อท้อ
การประกาศผลดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับทำเนียบขาว หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้รับรางวัล แม้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยทำเนียบขาวระบุว่า คณะกรรมการโนเบล “ให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าสันติภาพ”
“ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังคงเดินหน้าสร้างข้อตกลงสันติภาพทั่วโลกเพื่อยุติสงครามและช่วยชีวิตผู้คน ขณะที่คณะกรรมการโนเบลพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าสันติภาพ” นายสตีเวน เฉิง โฆษกทำเนียบขาว โพสต์บน X
ด้าน นายเจอร์เกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการโนเบล ยืนยันว่า การตัดสินใจเป็นไปตามเจตนารมณ์ของอัลเฟรด โนเบล และไม่ได้รับอิทธิพลทางการเมืองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์พลาดรางวัลในปีนี้ มาจาก กำหนดปิดรับการเสนอชื่อรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 ซึ่งสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2568 ในช่วงนั้น ทรัมป์เพิ่งเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองได้เพียง 11 วัน หลังจากพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทำให้ผลงานด้านสันติภาพของเขายังไม่ถูกรวมอยู่ในการพิจารณา
ผู้เชี่ยวชาญระบุเพิ่มเติมว่า การที่อิสราเอลและฮามาสเพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และยังไม่มีการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด อาจทำให้คณะกรรมการมองว่ายังไม่ใช่ “ความสำเร็จที่มั่นคงเพียงพอ”
นายธีโอ เซนู นักประวัติศาสตร์จากสถาบันเฮนรี แจ็กสัน อธิบายว่า การคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาหลายเดือน โดยคณะกรรมการจะไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เขายังระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ยังมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อในปีหน้า หากข้อตกลงหยุดยิงในกาซายังคงยืนยาวและนำไปสู่สันติภาพอย่างถาวร
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า การที่ทรัมป์ออกมารณรงค์และเรียกร้องอย่างเปิดเผยว่าตนสมควรได้รับรางวัลโนเบล อาจสร้างผลกระทบในทางลบ เพราะคณะกรรมการโนเบลให้ความสำคัญกับ “ความเป็นอิสระ” และไม่ต้องการถูกมองว่าถูกกดดันให้มอบรางวัล
“การที่ทรัมป์ออกมารณรงค์อย่างเปิดเผยอาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับคณะกรรมการ พวกเขายึดถือความเป็นอิสระของการตัดสินใจ” นายเซนู กล่าว
นายแมทธิว มอคเฮฟี-แอชตัน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม เทรนต์ กล่าวเสริมว่า “คณะกรรมการโนเบลไม่ต้องการมอบรางวัลให้ทรัมป์เพียงเพราะแรงล็อบบี้หรือการกดดันจากฝ่ายการเมือง”
เขายังชี้ว่า การมอบรางวัลให้กับนางมาชาโดถือเป็น “การตัดสินใจที่ชาญฉลาด” เนื่องจากแสดงจุดยืนชัดเจนของคณะกรรมการในการสนับสนุนประชาธิปไตย และยังลดโอกาสที่ทรัมป์จะออกมาวิจารณ์ เพราะที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ รายนี้เคยสนับสนุนนางมาชาโดและโจมตีรัฐบาลเผด็จการของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร อย่างต่อเนื่อง
“ทรัมป์และพรรครีพับลิกันมักกล่าวโจมตีรัฐบาลสังคมนิยมของเวเนซุเอลามาโดยตลอด ดังนั้นการมอบรางวัลให้ผู้นำฝ่ายค้านมาดูโร ทำให้เขายากที่จะวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจครั้งนี้ได้” นายมอคเฮฟี-แอชตัน กล่าว
#ทรัมป์ #โนเบลสันติภาพ #มาชาโด #เวเนซุเอลา #ข่าวต่างประเทศ #WhiteHouse #NobelPrize #Trump #ข่าววันนี้ #PeacePrize #สหรัฐอเมริกา