วันที่ 10 ตุลาคม 2568) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากข้อร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี กสทช. และรองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ร่วมกันพิจารณาและจัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ไม่เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2566 โดยได้มีบันทึกที่ สทช 2101/ว290 แจ้งเวียนให้หน่วยงานภายในจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 และส่งให้สำนักยุทธศาสตร์และการงบประมาณภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ซึ่งคณะทำงานพิจารณางบประมาณของสำนักงาน กสทช. ได้ประชุมรวม 8 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 - 20 กันยายน 2566 เพื่อพิจารณากลั่นกรองคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ให้รองรับการดำเนินภารกิจอย่างต่อเนื่องของสำนักงาน กสทช. ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ประธาน กสทช. ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน กสทช. จึงได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ สทช 2101/33289 ลงวันที่ 22 กันยายน 2566 เสนอเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อบรรจุวาระการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ของสำนักงาน กสทช. ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อข้อร้องเรียนแล้วเห็นว่า ปรากฏข้อเท็จจริงจากการชี้แจงของสำนักงาน กสทช. ว่า สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำร่างงบประมาณครอบคลุมรายจ่ายเพื่อการดำเนินภารกิจของ กสทช. และคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ภายใต้หลักเกณฑ์ความคุ้มค่า ความประหยัด และประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ สทช 2101/33289 ลงวันที่ 22 กันยายน 2566 เสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการเสนอร่างงบประมาณต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนวันเริ่มปีงบประมาณไม่น้อยกว่า 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อพ้นกำหนดเวลา 30 วัน ในการพิจารณาของคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน กสทช. ต้องเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ กสทช. เพื่อดำเนินการต่อไป โดยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เป็นวันที่พ้นกำหนดเวลา 30 วันแล้ว สำนักงาน กสทช. จึงได้จัดทำบันทึกด่วนที่สุด ที่ สทช 2101/ว936 เรียน กสทช. ทุกคน เพื่อขอให้พิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาต่อไป
จากนั้น สำนักงาน กสทช. ได้นำร่างงบประมาณพร้อมความเห็นดังกล่าวเสนอให้ กสทช. พิจารณาอนุมัติ และที่ประชุม กสทช. ได้มีมติอนุมัติวงเงินรวม 5,212.6961 ล้านบาท พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาการบริหารงบประมาณต่อไป โดยในการดำเนินการจัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่กำหนดไว้ใน มาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งเป็นไปตามข้อ 13 ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการงบประมาณของสำนักงาน กสทช. พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในชั้นนี้จึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กสทช. และรองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน ดังนั้น ปัญหาตามเรื่องร้องเรียนนี้ จึงเป็นเรื่องที่มิได้เป็นไปตามมาตรา 22 (2) ตามประกาศผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับไว้พิจารณาตามมาตรา 37 (8) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560
จึงปรากฎคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะว่า อาศัยเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยยุติเรื่องร้องเรียนในเรื่องนี้ ตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 โดยให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งผลการวินิจฉัยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทราบต่อไป