“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องออกโรง ออกแรงช่วย ย้ำให้ฟังกันอีกครั้งว่า “พรรคส้ม” ไม่ใช่ “ฝ่ายค้ำ” รัฐบาลเสียงข้างน้อย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย

“พรรคประชาชนไม่ใช่ฝ่ายค้ำ ได้พิสูจน์ผ่านการอภิปรายในการทำเรื่องสำคัญไปแล้ว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนก็ได้ ใช้กลไกสภาตรวจสอบรัฐบาลอยู่เรื่อยๆ
เพียงแต่ต้องเรียกร้องไปยังรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ให้ทำตามคำสัญญาอย่างตรงไปตรงมา เพราะแบรนดิ้งของพรรคภูมิใจไทย คือ พูดแล้วทำ ถ้าพลิกไปมาก็ห่วงว่าแบรนดิ้งของพรรคจะไม่ได้ใช้อีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง” ( 10 ต.ค.68)
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ การทำหน้าที่ “ฝ่ายค้ำ” ของพรรคประชาชน มีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศนำเสียงสส.ของพรรค ทั้ง 143 คนโหวตหนุน อนุทิน จนได้นั่งนายกฯคนที่ 32 ซึ่งจากปรากฎการณ์ “ส้มอุ้มน้ำเงิน” นี่เองที่ยังทำให้ “ด้อมส้ม” เองถึงกับไม่พอใจอย่างรุนแรง
ขณะที่พรรคประชาชนเอง พยายามอธิบายถึงเหตุและผลว่าทำไมต้องเลือกอนุทิน ให้เป็นนายกฯ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะได้ “นายกฯคนนอก” มาแทน ซึ่งการเลือกอนุทิน เข้ามานั้นไม่ใช่เพื่อให้มาบริหารประเทศ แต่ต้องการให้มาใช้อำนาจ “นายกฯ” เพื่อ “ยุบสภา” ภายใน 4 เดือน ตาม เงื่อนไข ใน MOA

ลำพังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่พุ่งเข้าใส่พรรคสีส้ม ว่าเป็นฝ่ายค้ำ ก็ทำเอาปวดใจอยู่แล้ว เพราะเท่ากับว่า พรรคประชาชน กำลังถูก “ตรวจสอบ” การทำหน้าที่ในสภาฯว่าไม่เข้มข้น มิหนำซ้ำ ล่าสุด ผลการสำรวจจากโพลหลายสำนัก ยังสะท้อนว่าคะแนนนิยมของพรรคส้มลดลง ขณะที่ ตัวนายกฯอนุทิน กำลัง “ไต่ระดับ” ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด “อีสานโพล” ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าถ้าเลือกตั้งวันนี้ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี มากที่สุด พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 24.3 ระบุว่า อนุทิน อันดับ 2 ร้อยละ 22.8 คือ ณัฐพงษ์
เท่ากับว่า เวลานี้ อนุทิน กำลังโกยคะแนน แซง หัวหน้าพรรคสีส้มไปแล้ว ยังไม่นับกรณีพรรคภูมิใจไทยอยู่ในช่วง “สะสมกำลังพล” เมื่อบรรดาสส.และอดีตสส. อดีตแกนนำจากพรรคต่างๆ พากันตบเท้าสมัครเข้าเป็น สมาชิกพรรคสีน้ำเงินกันอย่างคึกคัก โดยที่พรรคสีส้ม ได้แต่นั่งมองโดยที่ทำอะไรไม่ได้

ปัญหาของพรรคส้ม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้จบลง ที่คะแนนนิยมลดฮวบเท่านั้น แต่ล่าสุด “วิบากกรรม” กำลังซ้ำเข้ามารอบใหม่ เมื่อ “คดี44สส.ก้าวไกล” ที่ร่วมกันลงชื่อ แก้ไขม.112 ที่อยู่ในมือ “คณะกรรมการป.ป.ช.” ใกล้จะได้ข้อยุติ แล้วในราวเดือนพ.ย. หรือปลายปีนี้
หมายความว่าคดี 44 สส.พรรคก้าวไกล จะมีความชัดเจนจากคณะกรรมการป.ป.ช.ในเดือนหน้า ตามที่ พิธา บอกกับสื่อว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการทำลายกัน
“ คดีนี้อยู่ในชั้นอนุใน ป.ป.ช. น่าจะเสร็จสิ้นในชั้นนี้ภายในเดือน พ.ย. มีความเป็นไปได้ที่จะมีการชี้มูลในช่วงการยุบสภา หากยุบสภาเร็วแล้วมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนจะถูกทำลายอีกครั้ง เหมือนพรรคก้าวไกลและอนาคตใหม่”
สถานการณ์ของพรรคประชาชน มีแนวโน้มน่ากังวล มากกว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็น “ฝ่ายค้ำ” เพราะปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย คดีม.112 นั้นหากผลออกมาเป็นทาง “ร้าย” จะกระทบต่อ “ทัพ” ที่เตรียมจัดลงสนามเลือกตั้งตามมาทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าลืมว่า “แคนดิเดตนายกฯ” ที่วางเอาไว้ที่ ตัวณัฐพงษ์ อาจจะต้อง “เปลี่ยนแผน” กันใหม่ เพราะณัฐพงษ์ คือ 1 ใน44 สส.พรรคก้าวไกล ด้วยนั่นเอง !