เมื่อเวลา 15.40 น.วันที่ 10 ต.ค.ที่เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมนายศักดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย เดินทางถึงเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อเป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์น้ำและแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงและสส.อาทิ นายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ นางนันทนา สงฆ์ประชา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย แลพหัวหน้าส่วนราชการ ในพื้นที่ รอรับ
โดยนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปสภาพปัญหาในพื้นที่จากนายนที มนตริวัต ผวจ.ชัยนาท และสถานการณ์น้ำ รวมถึงแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และการบริหารจัดการน้ำ จากนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่จะปรับการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจาก 2,000 ลูกบาศก์เมตร เหลือ700 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนั้นยังมีแผนสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมเพื่อแก้ไขปัญหาบริเวณจุดฟันหลอ ในกรุงเทพฯ 32 จุด เสร็จแล้ว 22 จุด และมีแผนบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผน วงเงิน 517,136 ล้านบาท ขณะที่รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่าได้วางแผนการจัดการน้ำในช่วงเดือนพ.ย.ให้ได้ 80% โดยจะเร่งระบายน้ำในช่วงปลายเดือนต.ค.เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับฤดูแล้ง
จากนั้นนายอนุทิน มอบหมายให้นายศักดา กล่าวมอบนโยบาย ตอนหนึ่งว่า เวลานี้ประชาชนเป็นห่วงว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯหรือไม่ สถานการณ์จะเหมือนปี2554 หรือไม่ ซึ่งปี2554 เขื่อนปล่อยน้ำ 4,300 ลบ.ม.แต่วันนี้ปล่อย 2,800 ลบ.ม.จึงเชื่อว่าจะไม่เหมือนปี 2554 ขอให้สบายใจ และท้ายน้ำ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง น้ำจะน้อยลง ดังนั้นโอกาสที่น้ำฝนจะมาเติมจากน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนจะน้อยลง ทั้งนี้ประชาชนเป็นห่วงว่าเราเกิดเหตุน้ำท่วมทุกปีไม่มากก็น้อย เมื่อปริมาณน้ำเหนือมากขึ้น ประกอบกับฝนที่ตกลงมา ทำให้น้ำในลำคลองแม่น้ำไม่สามารถระบายออกได้และเอ่อท่วมทำให้ชาวบ้านเสียหาย จึง ต้องฝากผู้ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องที่นายกฯเป็นห่วงจากสถานการณ์น้ำท่วมและสั่งการให้เร่งดำเนินการเรื่องเงินเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัย

ด้านนายภราดร กล่าวว่า นายกฯได้เร่งรัดเรื่องการเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด เกิดเหตุปีนี้ต้องเร่งทำให้เร็วที่สุดไม่ใช่เกิดปีนี้ชดเชยปีนี้ปีหน้าแล้วเรื่องที่กำลังจะเข้าครม.ในวันที่ 14 ต.ค.นี้จะมีวงเงิน 6 แสนล้านบาท ใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท จากนั้น ครม. จะอนุมัติเป็นรอบๆไปนอกจากนั้นขอฝากกรมชลประทาน ในเรื่องของการก่อสร้างขนาดใหญ่ให้เร่งรัดดำเนินดำเนินการในพื้นที่ที่ระบุว่าจะเสร็จในปี 2573 และ74 อาจจะช้าไปโดยให้เร่งเร็วเพื่อที่จะเป็นประโยชน์และแก้ปัญหาให้มาก เช่น พื้นที่บางบาล-บางไทรและพื้นที่ป่าสัก-อ่าวไทย หากเรื่องสรุปเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จะเริ่มนับหนึ่งทำโครงการได้เร็วเพื่อเป็นทางออกหลักในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำดจ้าพระยา ที่จะตัดน้ำ800-900 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ส่วนที่สทนช.ระบุว่าจะมี 11 ทุ่งรับน้ำในลุ่มเจ้าพระยา เห็นว่ายังมีมากกว่านี้ที่สามารถรับน้ำได้ขอให้กรมชลประทานเร่งทำความเข้าใจการรับน้ำเข้าทุ่ง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนสามารถผ่านน้ำเข้าทุ่งได้ที่อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ รวมถึงจ.ชัยนาท ยังมีพื้นที่ลำน้ำได้แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการระบายน้ำเพราะยังไม่ได้ตกลงกับประชาชน จึงขอให้เร่งทำข้อตกลงกับประชาชน เพื่อจะเก็บน้ำได้ถึง400-500 ล้านลบ.ม.
นายอนุทินกล่าวว่า จากที่ไล่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่จ.พิจิตร ลงมาสถานการณ์ค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะอ.ตะพานหิน มีสภาพน้ำท่วมขัง เมื่อมองจากที่สูงพบปริมาณน้ำจำนวนมากที่ต้องเร่งบริหารจัดการในช่วงนี้จะเข้าสู่ปลายฝนแล้ว หากไม่มีปริมาณน้ำฝนเติม สัปดาห์หน้าน่าจะลดระดับความรุนแรง ภายใน2-3สัปดาห์ ฟังดูธรรมดาแต่ประชาชน ที่บ้านเรือนน้ำท่วมขัง 1 ชั่วโมง สำหรับเขามีความลำบาก จึงขอฝากเพื่อนข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกคนคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและหาวิธีแก้ไขปัญหา เพื่อคลายความทุกข์และความลำบากของประชาชนโดยเร็วเท่าที่ทำได้
ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ขอมอบกรอบการทำงานให้ทุกคนได้นำไปปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพราะเครือข่ายของทุกคนที่สามารถทำได้หากต้องการการสนับสนุนในด้านใด รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุน
นายอนุทิน กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.)ได้มอบนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานดูเรื่องของการเยียวยาประชาชนทุกมิติ รวมถึงการชดเชยทรัพย์สินที่เสียหายบ้านเรือน ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ขณะที่การบริหารจัดการระบายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพ ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานโดยมอบร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรสหกรณ์ รับผิดชอบ รวมถึงดูแลหน่วยงานโดยตรงในการบริหารจัดการระบายน้ำโดยมีกรมชลประธานเป็นเจ้าภาพหลักขอให้หน่วยอื่นเช่นกรมทางหลวงและกรมโยธาธิการเข้ามาช่วยเสริมให้สามารถสั่งการได้
นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วได้มาอยู่ที่นี่กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ตนเป็นรมว.มหาดไทย ถึงเวลาปฏิบัติ ได้เกิดปัญหาขึ้นในการสั่งการเรื่องที่นอกเหนือกระทรวงมหาดไทย ทำให้ไม่รวดเร็วเพราะต้องทำเอกสาร มีการวิเคราะห์และสรุปรายงานกว่าจะดำเนินการสถานการณ์ก็ปกติแล้ว แต่มาช้าดีกว่าไม่มาแต่เมื่อตนได้มีโอกาสกลับมา
บริหารประเทศโดยที่ควบรมว.มหาดไทย ได้ทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล เรามีความเข้าใจกันมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เพราะความเดือดร้อนของประชาชน เราไม่ได้มองว่าเป็นรัฐบาลใครแต่เป็นรัฐบาลเดียว ที่ต้องดูแลประชาชนเรื่องความเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนลำดับแรกและมั่นใจว่าวิธีการทำงานจะเปลี่ยนไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอความร่วมมือข้าราชการประจำ บูรณาการความร่วมมือโดยใช้เป้าหมายเป็นตัวตั้ง คือ น้ำต้องถูกระบายโดยเร็ว รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนต้องเร่ง ในช่วงเวลา4เดือนทำแค่นี้โอเคแล้วส่วนการวางแผนระยะยาวจะไม่กวนทุกคน เพราะยังมีครม. ทั้งคณะและคณะข้าราชการประจำที่สามารถวางรากฐานเพื่อเป็นพื้นฐานที่ดี ให้ปีหน้าหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่ารัฐบาลใดที่เข้ามาสามารถสานต่อได้เลย เราจะวางรากฐานไม่ให้คิดเป็นเรื่องการเมืองว่าใครจะได้คะแนนใครจะได้ก็ได้ไปแต่ประชาชนจะได้ประโยชน์

“ใครจะได้หน้าได้ตาก็ได้ไป แต่ผมจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ตอนนี้เซ็นเยียวยาไป6หมื่นกว่าล้านบาท ปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งมีเรื่องอื่นด้วย ปีที่แล้วท่วมจ.เชียงราย เยียวยาดินโคลนถล่มใช้ไปเกือบ 2หมื่นกว่าล้านบาท ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นมท.1ใช้ไปแล้วรวมเกือบ 7หมื่นล้านบาท อยากให้ช่วยกันคิดว่าจะนำเงินเหล่านี้ไปทำถาวรวัตถุใช้ในระบบบริหารจัดการน้ำจะดีกว่า และคิดว่าอีก5 เดือนจากนี้ ต้องมานั่งเฮลิคอปเตอร์ดูภัยแล้ง ดังนั้นต้องคิดว่าจะทำยังไง ตรงไหนที่จะเก็บกักน้ำตรงนี้ไว้ได้ น้ำท่วมในปีแรก ขอบคุณประชาชนที่อดทน ปีที่สองให้กำลังใจเขา มาท่วมปีนี้นี้ต้องขอโทษเขา เพราะน้ำท่วมมาเกิน3เดือนตั้งแต่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา อย่าคิดว่าปีใหม่แล้วจะหายไป เราต้องคิดกรอบขึ้นมาช่วยก่อน “
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอฝากกรมชลประทาน ต้องปรับลดการระบายน้ำเขื่อนทั้ง4 แห่ง และสทนช.ให้เร่งรัดวางแผนโครงการระบายน้ำจาก9โครงการ และทำไปได้ 1 โครงการ ขณะที่โครงการที่จะเสร็จในช่วงปี70ต้องเร่งเร็วขึ้น ขอเน้นย้ำในการทำงานให้ทุกคนมองประชาชนเป็นหลัก หากผู้ว่าฯดำเนินการไปแล้วอะไรที่เกินกว่าหน้าที่ ให้บอกมาที่มหาดไทย หรือเกินกว่านั้นให้มาที่นายกฯ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปทำอะไร ให้ดูเรื่องการเยียวยาประชาชน เพราะเสร็จจากนี้จะมีสถานการณ์ที่ภาคใต้อีก จะวนเวียนไปแบบนี้ ส่วนเงินที่จังหวัดได้รับให้นำไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการบริหารจัดการน้ำ และในระยะยาว เพราะหากประชาชนเลือกได้คงไม่ได้ต้องการเงินเยียวยา แต่ต้องการสิ่งที่ดูแก้ปัญหาได้มากกว่า

จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณประตูเขื่อนระบายน้ำ ที่มีปริมาณสูง ก่อนเดินทางไปพบพูดคุยกับประชาชนและติดตามสถานการณ์น้ำ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี