เมื่อวันที่ 10 ต.ค.68 นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ในช่วงที่ผ่านมา กนง.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วประมาณ 1% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
ปัจจุบัน ธปท. ยังมี ช่องว่างนโยบายการเงิน (Policy Space) เหลืออยู่ที่ 1.50% ซึ่งถือเป็นระดับที่สามารถใช้เพื่อผ่อนคลายเพิ่มเติมได้หากเศรษฐกิจมีความจำเป็นต้องการแรงกระตุ้นเพิ่ม
นายวิทัยกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในแต่ละครั้งจะยังไม่ส่งผลเต็มที่ในทันที เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี กว่าผลของนโยบายจะส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริง อย่างไรก็ตาม ธปท.และกนง.มีความเข้าใจตรงกันว่า พร้อมดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจและผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ผู้ว่า ธปท. ยืนยันว่า ไม่ใช่สัญญาณของภาวะเงินฝืด (Deflation) เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยยังอยู่ใกล้ขอบล่างของกรอบเป้าหมาย และคาดว่าแนวโน้มจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายระยะปานกลางที่ 1–3%
“ธปท.จับตาความเสี่ยงเรื่องเงินฝืดอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณชัดเจน วันนี้เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.9% ยังมีดีมานด์ในประเทศช่วยพยุงเศรษฐกิจ และหากจำเป็น ธปท.พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อประคองเศรษฐกิจและดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบ” นายวิทัย รัตนากร กล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ท่าทีของ ธปท.ในครั้งนี้สะท้อนถึงแนวทางการดำเนินนโยบายที่ “ระมัดระวังแต่พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจ” ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความผันผวนของค่าเงิน
#ธปท #กนง #ดอกเบี้ย #นโยบายการเงิน #วิทัยรัตนากร #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจไทย #เงินฝืด #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้