เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 รัฐสภาเปรูจัดการประชุมนัดพิเศษช่วงกลางดึกจนล่วงเข้าวันศุกร์ ก่อนมีมติ เป็นเอกฉันท์ถอดถอนประธานาธิบดีดีนา โบลัวร์เต ออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ด้วยข้อหา “ไร้ความสามารถทางศีลธรรม (moral incapacity)” หลังพรรคฝ่ายขวาซึ่งเคยเป็นแนวร่วมสำคัญของรัฐบาล พลิกขั้วมาสนับสนุนการถอดถอน
การลงมติดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจจากสาธารณชน หลังโบลัวร์เตถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีคอร์รัปชัน และใช้อำนาจเกินขอบเขตในการปราบปรามผู้ประท้วง โดยเธอ ไม่เดินทางมาชี้แจงต่อสภา ตามหมายเรียก
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความ ไร้เสถียรภาพทางการเมืองของเปรู ที่มีประธานาธิบดีถึง 6 คนภายในระยะเวลาเพียง 7 ปี และยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมือง เนื่องจากโบลัวร์เตไม่มีรองประธานาธิบดีที่จะขึ้นมารักษาการแทน
ขณะที่ด้านนอกอาคารรัฐสภาเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ออกมาโบกธงชาติเปรูเพื่อเฉลิมฉลองผลการลงมติ สมาชิกรัฐสภามีมติถอดถอนโบลัวร์เตออกจากตำแหน่ง หลังการพิจารณาที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วตลอดค่ำคืน
ก่อนหน้านี้ในคืนวันที่ 9 ตุลาคม ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีได้รับเสียงสนับสนุนเกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ ทำให้สภามีมติเรียกให้โบลัวร์เตเข้าชี้แจงในเวลา 23.30 น. แต่เธอไม่ปรากฏตัว ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภาใช้เสียงข้างมากเกินกว่า 87 เสียง เดินหน้าลงมติถอดถอนในเวลาหลังเที่ยงคืนไม่นาน
ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การถอดถอนครั้งนี้ คือการ พลิกขั้วของพรรคฝ่ายขวา ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรค ฟื้นฟูประชานิยม (Popular Renewal) ของราฟาเอล โลเปซ และพรรค พลังประชานิยม (Popular Force) ของเคโกะ ฟูจิโมริ ซึ่งเคยช่วยให้ญัตติถอดถอนก่อนหน้าถูกปัดตก
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชน และคาดว่า นักการเมืองทั้งสองคนอาจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเดือนเมษายน 2569
"เราจะผัดวันประกันพรุ่งในเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว เราต้องตัดสินใจ ณ บัดนี้" บิกตอร์ กุติปา สมาชิกรัฐสภา กล่าวระหว่างการประชุม
* โบลัวร์เต : จากผู้นำหญิงคนแรก สู่การสิ้นสุดอำนาจ
ดีนา โบลัวร์เต วัย 63 ปี ก้าวขึ้นสู่อำนาจเมื่อเดือนธันวาคม 2565 หลังจาก ประธานาธิบดีเปโดร กัสติโย พยายามยุบสภาแต่ล้มเหลวและถูกถอดถอน เธอกลายเป็น ผู้นำหญิงคนแรกของเปรู แต่รัฐบาลต้องเผชิญการประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือน
รัฐบาลโบลัวร์เตถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้งยังถูกตั้งข้อสงสัยเรื่อง ร่ำรวยผิดปกติ จากการครอบครองนาฬิกาโรเล็กซ์และทรัพย์สินที่ไม่ได้สำแดงต่อรัฐ ทำให้ คะแนนนิยมตกต่ำเหลือเพียง 2-4% เท่านั้น
รายงานระบุว่า หลังจากถูกถอดถอน มีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งออกมาเฉลิมฉลองที่หน้าสถานทูตเอกวาดอร์ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า โบลัวร์เตอาจยื่นขอลี้ภัยทางการเมือง ในประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
#โบลัวร์เต #รัฐสภาเปรู #ข่าวต่างประเทศ #เปรู #ข่าวโลกวันนี้ #คอร์รัปชัน #ถอดถอนผู้นำ #ประธานาธิบดีเปรู #ข่าวรอบโลก #Siamrath