ทหารประชาธิปไตย
Lindsey Graham เป็นนักการเมืองอเมริกันจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ที่มีบทบาทในวุฒิสภามาอย่างยาวนาน และมีผู้กล่าวว่าเขาเป็นหนึ่งในขบวนการ Deep State ที่เป็นตัวแทนในการชี้นำนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในฐานะกลุ่ม Neo Con หรืออนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ที่ถือแนวทางแข็งกร้าวและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับอิสราเอล โดยการสนับสนุนอย่างหนักจาก AIPAC คือขบวนการล็อบบี้ของอิสราเอล-อเมริกัน
ขณะนี้อายุ 70 ปี เคยเป็นทหาร 33 ปี ยศสุดท้ายคือพันเอก แต่ไม่เคยใช้ยศนำหน้า เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 1993 ต่อมาเป็นสมาชิกสภาคองเกรส 1995 ขยับขึ้นมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2003 พอปี 2019 ก็ขึ้นเป็นประธานกรรมาธิการยุติธรรม
เกรแฮม เคยเป็นผู้ที่ต่อต้านทรัมป์อย่างรุนแรงมาก่อนในช่วงต้นก่อนการเลือกตั้งครั้งแรกและเคยกล่าวว่า “ไม่สามารถสนับสนุนทรัมป์ได้” แต่หลังจากพบกับทรัมป์ในเดือนมีนาคม 2017 เขากลับกลายมาเป็นพันธมิตรที่แข็งขัน และคอยออกมาปกป้องทรัมป์อย่างเปิดเผย
ประวัติส่วนตัวของเกรแฮม มาจากครอบครัวที่อยู่ในระดับล่าง พ่อเป็นเจ้าของร้านเหล้าเล็กๆ และแม่เป็นสาวเสิร์ฟ ทั้งคู่เสียชีวิตเพราะโรคพิษสุราเรื้อรัง (alcoholism) ในขณะเขายังเล็ก แต่ด้วยความมุมานะ เกรแฮมเข้าศึกษาจนจบด้านจิตวิทยาที่เซาท์แคโรไลนา และมาจบปริญญาเอกด้านกฎหมาย
เรื่องอื้อฉาวของเกรแฮม ที่เข้ามาพัวพันคือคดีของ Epstein สายลับมอสสาด ของอิสราเอล ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองหลายคน และที่สำคัญคือทรัมป์โดยมีความเกี่ยวข้อง ทั้งความลับขั้นสูงของสหรัฐฯ การเกี่ยวพันกับการให้ข่าวเท็จ ในการจูงใจสหรัฐฯให้ปฏิบัติการรุนแรงในตะวันออกกลาง และยังมีเรื่องเกี่ยวพันด้านชู้สาว กับคดีความรุนแรงทางเพศ ซึ่งเกรแฮมในฐานะประธานกรรมาธิการยุติธรรม ดูเหมือนจะมีความเอนเอียงในการปกป้องจนเป็นที่สังเกตได้
นอกจากนี้เกรแฮม ยังถูกโจมตีจากสื่อสังคมแม้ฝ่ายนีโอคอนด้วยกัน ว่า ถูกแบล็คเมล์จากรัสเซีย จึงเปลี่ยนจุดยืนไม่สนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่เหมือนเคย
มีข้อเท็จจริงว่าอีเมล์ของคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน (RNC) ถูกแฮกโดยรัสเซียและอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับเกรแฮม แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยและพิสูจน์ทราบ อนึ่งยังมีข่าวว่าเกรแฮมได้รับเงินสนับสนุนการเลือกตั้งบางส่วนจากรัสเซีย ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน
อย่างไรก็ตามก็มองได้ว่าทุกครั้งที่เกรแฮมเปลี่ยนจุดยืนอย่างพลิกผันมักจะมีข่าวลือว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และแม้ในที่สุดในกรณียูเครน เกรแฮมก็กลับมาสนับสนุนให้ยุโรปยืนหยัดให้สนับสนุนทรัมป์ ในการแซงก์ชันประเทศที่ค้าขายน้ำมันกับรัสเซีย เช่น จีน และอินเดีย
นอกจากนี้เกรแฮมยังออกมาโจมตีการเลือกตั้งในสมัยทรัมป์-ไบเดน ว่าการลงคะแนนทางไปรษณีย์อาจนำไปสู่ความผิดปกติและการทุจริตในการเลือกตั้ง ในระดับที่ส่งผลต่อผลการเลือกตั้ง
เกรแฮม ยังถูกกล่าวหาว่ากดดันให้ทิ้งบัตรเลือกตั้งที่ถูกกฎหมายในรัฐจอร์เจีย เนื่องจากอ้างว่าการเลือกตั้งไม่สมบูรณ์
เกรแฮมเป็นแกนนำสำคัญในการชี้นำนโยบายเผชิญหน้ากับจีน และสนับสนุนให้สหรัฐฯมีบทบาทมากขึ้นในไต้หวัน ที่น่าสนใจคือฐานะการเงินของวุฒิสมาชิกเกรแฮมที่มีข้อมูลแตกต่างกันมาก เช่นมีแหล่งข้อมูลว่าเมื่อเข้าเป็นวุฒิสมาชิกด้วยเงินรายได้ 190,000 ดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2003 แต่เขามีสินทรัพย์ 4 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 และปัจจุบันเขามีสินทรัพย์ถึง 25 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้จากนิตยสาร Politico เขาได้รับเงินสนับสนุนจาก AIPAC ล็อบบี้ยิสต์อิสราเอล ครั้งล่าสุดถึง 10 ล้านดอลลาร์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมุ่งเน้นสนับสนุนอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา และการยึดครองปาเลสไตน์ทั้งหมด โดยให้รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนทางทหารและการเงิน ถึงปีละ $300,000 - 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับฐานะการเงินของเกรแฮม อาจเกิดจากการตีราคามูลค่าสินทรัพย์ของเขา เช่น ถ้าเขาได้ซื้อหุ้นในราคาพาร์ แต่พอหุ้นเข้าตลาด IPO อาจเพิ่มไป 10 เท่า พอเข้าตลาดจริงอาจถึง 100 เท่า ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีการทำกันใน ส.ส. และ ส.ว. หลายคนที่มีส่วนโยงใยกับ Deep State
อย่างไรก็ตามในกรณีของเกรแฮม ด้วยบทบาทประธานกรรมาธิการยุติธรรม ความไม่โปร่งใสทางการเงิน และพฤติกรรมของเขา มันส่อไปในทางที่จะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อเขาเปลี่ยนจุดยืนอย่างหักมุมหลายครั้ง
ในอนาคตอันใกล้เกรแฮม ในคราวเลือกตั้งครั้งต่อไป อาจมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกท้าทายอำนาจจากการแข่งขันของ Paul Dans ที่เป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังแผนงาน Project 2025 ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวนโยบายอนุรักษ์นิยมที่เข้มข้น ค่อนไปทางสนับสนุนการรวมอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งแผนนี้ Paul Dans เป็นผู้อำนวยการจัดทำข้อมูลบุคลากร และกรอบแนวทางการสร้างภาพของผู้ที่จะสมัครเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปจากทรัมป์ ซึ่งในเบื้องต้น Dans ได้ร่วมมือกับ Heritage Foundation ที่มีบทบาทในการสนับสนุนแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมสุดโต่งแต่มาแยกตัวออกภายหลัง
กล่าวโดยสรุปชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มตระหนักว่าทั้งส.ส และส.ว ที่มีชื่อเสียงหลายคนมิได้ทำงานรับใช้และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ทำเพื่อรับผลประโยชน์ส่วนตน และทำให้ประเทศเสียหายอย่างลินซี่ย์ เกรแฮมเป็นต้น
#DemocracyWatch #อำนาจซ้อนเร้น #เครือข่ายอิทธิพล #เกมอำนาจโลก #เบื้องหลังการเมือง #เจาะลึกโลกการเมือง #ข่าวการเมืองสากล #การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว