ราคาทองยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ส่งผลให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในปีนี้มากกว่าการลงทุนในหุ้น, บิตคอยน์, น้ำมัน และดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาทองคำทะยานขึ้น 54% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ขณะบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 30.6% ดัชนีดาวโจนส์บวก 9.5% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลง 11.8% และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 6.2%
ล่าสุด ราคาทองฟิวเจอร์ทะลุระดับ 4,070 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในวันนี้ ส่วนราคาทองสปอตทะลุ 4,050 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐเผชิญภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ
ณ เวลา 00.16 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตบวก 75.01 ดอลลาร์ หรือ 1.88% สู่ระดับ 4,055.41 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 73.9.20 ดอลลาร์ หรือ 1.85% สู่ระดับ 4,078.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ร
าคาทองทะยานขึ้น 54% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 27% ในปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การเข้าซื้อทองของธนาคารกลาง อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในกองทุน ETF ทอง รวมทั้งความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจและด้านภูมิรัฐศาสตร์
สภาทองคำโลกเปิดเผยว่า กองทุน ETF ทองมีกระแสเงินไหลเข้ามากถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยเฉพาะเดือนก.ย.เพียงเดือนเดียวมีเม็ดเงินไหลเข้ามากถึง 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ความวิตกของนักลงทุนต่อการพลาดโอกาส หรือตกขบวน (fear of missing out) หรือ FOMO ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนราคาทองในช่วงนี้
ยูบีเอสออกรายงานคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป โดยราคาจะแตะระดับ 4,200 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปีนี้
ด้านโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองสู่ระดับ 4,900 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในเดือนธ.ค. 2569 จากเดิมที่ระดับ 4,300 ดอลลาร์/ออนซ์
การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 8 ท่ามกลางความหวังริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
คาดว่าวุฒิสภาสหรัฐจะลงมติเป็นครั้งที่ 6 ในวันนี้ เวลา 11.20 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.20 น.ตามเวลาไทย ต่อร่างกฎหมายเพื่อจัดสรรงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้รัฐบาลสามารถเปิดทำการจนถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากที่ไม่มีการลงมติเมื่อวานนี้ โดยร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่เสนอโดยพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันต่างก็ไม่สามารถผ่านเกณฑ์ 60 เสียงที่จำเป็นสำหรับการผ่านร่างกฎหมายในวุฒิสภาได้ในการลงมติ 5 ครั้งก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันต่อสภาคองเกรสให้เร่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณชั่วคราว โดยเตือนว่าเขาอาจขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกพักงานได้รับค่าจ้างย้อนหลังเมื่อการชัตดาวน์สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังขู่ว่าจะปลดเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วน และตัดงบประมาณของโครงการภาครัฐ หากการชัตดาวน์ยังคงดำเนินต่อไป
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยธนาคารชุมชนที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากภาวะชัตดาวน์
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.
#ราคาทอง #ทองคำ #ฟิวเจอร์ #ทองสปอต #การลงทุน #ทองพุ่ง #เศรษฐกิจโลก #เฟด #ชัตดาวน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #ทองคำปลอดภัย