“หมอเหรียญทอง” บุก สปสช. ทวงค่ารักษาบัตรทองกว่า 100 ล้าน สำนักงาน ยกเลิกแถลงข่าวเฉย ซัดเป็นพฤติกรรมหนีหนี้ ถามของบ 8 พันล้าน เอาให้ชัดจ่ายหนี้ รพ.ด้วยหรือไม่
วันที่ 8 ต.ค.68 นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เดินทางมาที่สำนักงานสปสช. เพื่อทวงถามกรณีการจ่ายค่าบริการดูแลรักษาผู้ป่วยสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ว่า สาเหตุที่เดินทางมาวันนี้ เพราะทราบว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.จะมีการแถลงข่าวถึงกรณีที่โรงพยาบาล มงกุฎวัฒนะหยุดให้บริการผู้ป่วยนอกสิทธิ์บัตรทองในวันที่ 16 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งตนขอย้ำว่าเป็นการหยุดชั่วคราว จนกว่าสปสช.จะมีการจ่ายหนี้ที่ค้างชำระข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบฯ 63 ราว 13 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้น สปสช.ประสบปัญหาว่าคลินิกที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.มีการทุจริตทั่วกรุงเทพมหานคร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขขณะนั้น ก็ได้สั่งให้มีการยกเลิกหน่วยบริการคลินิกที่มีการทุจริต ซึ่งก็ถือว่าทำได้ถูกต้อง และสปสช.ก็แก้ปัญหา ผู้ป่วย ไม่มีคลินิกดูแลโดยขอให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะช่วยรับดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ โดยจะจ่ายค่ารักษาให้ แต่กลับไม่จ่ายเลยแม้สักแดงเดียว แล้วแจ้งมาว่าให้ไปทวงเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ขณะนี้อยู่ที่ศาล ในขณะที่โรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ มีการบันทึกเป็นรายได้และเสียภาษี 20% ไปแล้ว
นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า ก่อนหน้าปี 2567 สปสช.มีการปรับโมเดลการรับส่งต่อผู้ป่วยใหม่ เป็นโมเดล 5 โดยมีคณะของ สปสช.เดินทางไปพบตน เพื่อขอให้รับเป็นโรงพยาบาลส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิก 35 แห่ง รวมประชากรบัตรทอง 2 แสนคน และ สปสช.กำหนดเกณฑ์การจ่ายตาม ตารางค่าบริการ เช่น ค่าบริการแพทย์ 200 บาท ค่าบริการโรงพยาบาล 100 บาท และค่ายาตามราคาที่ สปสช.กำหนด แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ 1 มี.ค. โมเดล 5 สปสช. ไม่จ่ายเงินเลยสตางค์แดงเดียว จนถึง 30 ก.ย. ผ่านมา 7 เดือนรวดก็ไม่จ่ายเลย รวมหนี้ประมาณ 40 กว่าล้านบาท และสะสมกับของเก่า รวมๆ แล้วกว่า 60 ล้านบาท
"40 กว่าล้านบาทนี้เป็นยอดหนี้ ที่ผมขอใช้คำว่า สปสช.ลักลอบ ปรับตารางการจ่ายเงินค่าบริการโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า เพราะตัวใหม่มาประกาศเดือน ก.ค 2567 และย้อนหลังให้มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค 2567 ทั้งๆ ที่คณะที่ไปคุยวันนั้น ตกลงกับผมที่โรงพยาบาลของผม ว่า ค่าหมอ 200 บาท ค่าโรงพยาบาล 100 บาท ค่ายาตามตาราง แต่กลับมาปรับลดโดยไม่มีการบอกกล่าว เป็นการมัดมือชก ทำให้หนี้สูญอีก ค่ายาที่ปรับลดลดต่ำกว่าต้นทุนอีก หนี้ 40 ล้านบาท ก็ไม่จ่ายเลยสักแดงเดียว" นพ.เหรียญทอง กล่าว
นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปสช.ยังมีการติดหนี้ในแต่ละเดือนอีก รวมแล้วสะสมเกือบร้อยล้านบาท ซึ่งขอย้ำว่าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลเอกชน เงินเดือนผู้ปฏิบัติงานไม่ได้มาจาก งบประมาณแผ่นดินมาจ่าย การที่ปล่อยให้หนี้สะสมจนถึงจุดๆหนึ่ง ที่เราเห็นว่ามันไปไม่ได้แล้ว จะปล่อยให้สะสมไปเรื่อยๆ ไม่ได้จึงขีดเส้นตายว่า 16 ต.ค.นี้ จะต้องหยุดให้บริการไปก่อน เพื่อไม่ให้หนี้เลยเถิด ให้ สปสช.ตามใช้หนี้เก่าจนหมด ไม่ใช่ปล่อย หรือเพิกเฉย ซึ่งตนได้มีการประสาน โทรหาเลขาธิการ สปสช. รองเลขาธิการ สปสช. ก็ไม่มีใครรับสาย เหมือนคนเป็นหนี้แล้วหนีหนี้ ขณะนี้เหมือน สปสช.เอาคนไข้เป็นตัวประกันมาทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตัวเองเป็นเจ้าภาพที่ต้องจ่ายเงิน แต่กลับไม่จ่าย สปสช.จะทำอย่างนี้ไม่ได้
นพ.เหรียญทอง กล่าวต่อว่า ส่วนที่บอร์ดสปสช.อนุมัติให้ของบกลาง 8 พันล้านบาทจะมีการนำมาใช้หนี้ให้กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะด้วยหรือไม่ ตนก็ขอให้พูดออกมาให้ชัดเจน เพราะตอนนี้เราเดือดร้อนขนาดนี้แล้ว จะนิ่งเงียบได้อย่างไร สปสช.ต้องออกมาพูด ดังนั้นวันนี้ตนทราบว่า สปสช.เตรียมที่จะแถลงข่าว ตนจึงมาขอรับฟังด้วย แต่กลับมาเก้อ เพราะจู่ๆ ก็เลิกแถลงเฉย แบบนี้แปลว่าอะไร ทั้งๆ ที่สิ่งที่ควรทำคือให้การต้อนรับ ด้วยการให้คำชี้แจงกับตน ว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร จะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร แต่การทำเช่นนี้ยกเลิกการแถลงแสดงว่าไม่มีแนวทางในการแก้ปัญหาใช่หรือไม่
#หมอเหรียญทอง #สปสช #บัตรทอง #ค่ารักษาพยาบาล #โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ #ข่าวสังคม #ข่าวสุขภาพ #งบประมาณบัตรทอง #หนีหนี้ #ข่าวเด่นวันนี้