วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่4 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล นายศานนท์ หวังสร้างบุญ นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร กทม. หัวหน้าหน่วยงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เข้าร่วม
นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อให้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3
คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติดังกล่าวจนจบ โดยมีสำนักงบประมาณกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา พร้อมกำชับให้หน่วยงานรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ กทม.
ทั้งนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.กทม. ควรกำหนดแนวทางในการชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นับตั้งแต่เดือนก.ย.68 จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ 2569 ให้ชัดเจน เพื่อให้กทม.สามารถชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ได้ หากผิดนัดชำระหนี้อีกอาจก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนของการต้องชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราที่สูง และ 2.หน่วยรับงบประมาณควรเร่งดำเนินการเบิกจ่าย เพื่อประโยชน์ในการลดภาระดอกเบี้ย
โดยหลักการแห่งร่างข้อบัญญัติจะตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พ.ศ. …. เป็นจำนวนไม่เกิน 32,625,106,200 บาท เป็นรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ กทม.ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าดังกล่าว
“คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติฉบับนี้โดยยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นประโยชน์สูงสุดกับกทม. และเห็นชอบให้ผ่านงบประมาณนี้ โดยไม่มีคณะกรรมการฯ สงวนความเห็นเพื่อวินิจฉัย” ประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ กล่าว
อย่างไรก็ตามที่ประชุมสภากทม.มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติดังกล่าวในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 48 เสียง ให้ประกาศใช้เป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งเห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญฯ โดยจะมีการส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป