เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียใต้ในปี 2569 เหลือเพียง 5.8% จากระดับ 6.6% ในปีนี้ สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของ มาตรการภาษีศุลกากรที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้กับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของเอเชียใต้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
ธนาคารโลกระบุว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ในปี 2569 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ของภูมิภาคเอเชียใต้ หากไม่นับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
โจฮันเนส ซุทท์ รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าวว่า แม้เอเชียใต้ยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อจัดการความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเสถียรภาพและการเติบโตในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกเตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของเอเชียใต้กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้ง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน, ผลกระทบจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อาจทำให้แรงงานบางกลุ่มถูกแทนที่ และ ความไม่สงบทางสังคม ภายในภูมิภาค
การปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า การเติบโตในประเทศหลักอย่าง อินเดีย มัลดีฟส์ และเนปาล อาจชะลอตัวลงในปีหน้า เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกที่อ่อนแรง หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากอินเดีย โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีในอัตราสูงสุดถึง 50% เพื่อลงโทษรัฐบาลอินเดียที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
มาตรการภาษีของทรัมป์ครอบคลุมสินค้าส่งออกของอินเดียที่มุ่งสู่ตลาดสหรัฐฯ มากกว่า สามในสี่ของมูลค่ารวมทั้งหมด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงาน เช่น สิ่งทอและอัญมณี ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นและคำสั่งซื้อที่ลดลง
ธนาคารโลกยังคาดการณ์เพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียจะขยายตัวเพียง 6.5% ในปี 2569 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของ ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ที่คาดไว้ที่ 6.8% สะท้อนแรงกดดันต่อเศรษฐกิจอินเดียจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งผลจริงจัง
#เวิลด์แบงก์ #เศรษฐกิจเอเชียใต้ #อินเดีย #ภาษีทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #GDPอินเดีย #WorldBank #SouthAsiaEconomy #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ