บทความ บทวิเคราะห์
1.5k

“อิ๊งค์” ประคอง "เรือเพื่อไทย" วันที่ "พ่อ" อยู่ในเรือนจำ "เลือด" ไหลออกจากพรรค

แชร์ข่าว

แนวรุกที่เคยพา “พรรคการเมือง” ในมือ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณ เคยทำ และทำสำเร็จมาโดยตลอด นั่นคือการใช้ “การตลาด” นำ “การเมือง” ในคราวที่ต้องการ “กระชากเรทติ้ง” ดึงคะแนนนิยมให้กลับคืนมา

และดูเหมือนว่า “บิ๊กอีเว้นท์” ที่พรรคเพื่อไทย ได้จัดขึ้นในวันนี้ คือการสะท้อนให้เห็นว่าการทำการตลาด ด้วยการโปรโมทนั้น ในยามที่พรรคอยู่ในสภาพตกต่ำ ด้วยหลายปัจจัย ทั้งภายนอกและภายในพรรค

ด้วยหวังว่าจะเกิด “แรงเหวี่ยง” ดึงทั้ง คะแนนนิยม ไปตลอดจน “ปลุกขวัญกำลังใจ” บรรดาลูกพรรคเพื่อไทย ที่ยังอยู่ไปจนถึงที่ยังอยู่ในระหว่าง “ตัดสินใจ” ว่าจะ “ย้ายพรรค” ในการเลือกตั้งรอบหน้าหรือไม่

พรรคเพื่อไทยโหมโรง เรียกแขกกันมาหลายวัน สำหรับงานใหญ่ วันนี้ 7 ต.ค.68  ด้วยการวางโปรแกรมสำคัญ เอาไว้ที่การโชว์วิสัยทัศน์ ของ “หัวหน้าอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเวลานี้เธอเองคงสถานะ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

โดยวันนี้ พรรคได้จัดเปิดแคมเปญใหญ่ ” ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย”  และหน้าเพจเฟซบุกยังย้ำด้วยว่า “ยกเครื่องเพื่อไทย เพื่อบูสพลังใหม่ เดินหน้าต่อ ให้พร้อมทุกการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งแน่นอนว่าไฮไลท์ในงานวันนี้คือการเปิดเวทีให้กับ หัวหน้าอิ๊งค์  ได้ทำหน้าที่ “แม่ทัพ” ในยามที่ป้อมค่ายถูกตั้งข้อสังเกตว่า “ใกล้แตก” เต็มที

แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์ ว่า “ วันนี้ได้กลับมามองหน้ากันด้วยใจถึงใจอีกครั้ง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายทางการเมือง รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำไม่ได้ไปต่อ ดร.ทักษิณเข้าสู่เรือนจำ การเลือกตั้งซ่อมเชียงรายเราชนะ แต่ที่ศรีสะเกษเราแพ้”

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แม้พรรคจะเผชิญความยากลำบาก แต่หัวหน้าพรรค ย้ำว่า พรรคยังคงยึดมั่นในความเชื่อเดิมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ทุกประสบการณ์สอนให้เราเรียนรู้ เพื่อก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งกว่าเดิม

บิ๊กอีเว้นท์ วันนี้ยังไม่มี “เซอร์ไพรส์” คือการเปิดตัว “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเพื่อไทย  ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นคนอื่น คนใหม่ ซึ่งไม่ใช่แพทองธาร เพราะเธอกลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ถูก “ใบแดง” จากศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ด้วย “คดีคลิปเสียงฮุน เซน”

การเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ สำหรับพรรคเพื่อไทย ต้องถือว่ายังอยู่ในมุมที่ยังพอมองเห็น “ทางสู้” เพราะ “ไพ่” ที่ ทักษิณ ยังเก็บเอาไว้ ถือว่า โดดเด่นและมีน้ำหนักมากพอที่จะสู้พรรคอื่นได้อย่างสูสี

นั่นคือ “ลูกเขย” อย่าง “ณัฐพงษ์ คุณากรวงศ์”  สามีของ “เอม” พินทองทา คุณากรวงศ์ ลูกคนกลางของทักษิณ

อย่างไรก็ดี ภารกิจของแพทองธาร ณ เวลานี้จึงไม่ใช่การดำเนินไปเพื่อ “กอบกู้พรรค”อย่างใด ซึ่งต่างจากการกลับเข้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค หากแต่เป็นการ “ประคับประคอง” พรรคไม่ให้ “เลือดไหล” ออกไปมากกว่าที่กำลังเป็นอยู่

โดยเฉพาะการที่แกนนำพรรคเพื่อไทย พากันทยอยเข้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อเปิดตัวทำงานการเมืองทั้งอย่างเป็นทางการและยังรอ “กั๊ก”

การทำหน้าที่ของ แม่ทัพของแพทองธาร ในยามนี้ ต้องยอมรับว่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะสมรภูมิการเมืองอาจไม่ใช่ เวทีที่เธอถนัด และประสบความสำเร็จ มาแล้วแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เพราะสนามการเมืองแห่งนี้ ที่ทำให้แพทองธาร ต้องหล่นจากเก้าอี้ “นายกฯคนที่31” อีกทั้งยังถูกกระหน่ำด้วยปม คลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งผลกระทบลุกลามมาถึงพรรค ไป “ผู้สมัคร” ของพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่นาทีนี้ เมื่อ “พ่อ” ยังอยู่ในเรือนจำ กลับไปรับโทษให้ครบกำหนด 1ปี อีกทั้งการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ซ้ำครั้ง2 ให้ถูก “ยกฎีกา” เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ สมัย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง “ นั่ง รมว.ยุติธรรม หมายความว่า เมื่อยกฎีกาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว มาถึงรัฐบาลนี้ จึงไม่ให้เหตุผลได้ว่า ทำตามแนวของรัฐบาลชุดที่แล้ว

โดยเรื่องนี้ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล  ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลปัจจุบัน

“ หรือหากจะมีการเกี่ยวพันเพราะเปลี่ยนรัฐบาลพอดีเราก็ต้องให้เกียรติท่าน เพราะพ.ต.อ.ทวี ได้ลงนามยกฎีกา คือไม่ให้อภัยโทษโดยอำนาจที่ท่านยังทำอยู่ขณะเป็นรมว.ยุติธรรม จะไปแย้งได้อย่างไร” (7 ต.ค.68)

สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยวันนี้ ยังอยู่ภายในการนำโดยแพทองธาร ในขณะที่ “พ่อ” ยังอยู่ในเรือนจำ และลูกพรรคกำลังระส่ำระสาย เลือดที่จะไหล ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น   แต่เมื่อยามคับขัน แพทองธาร จึงไม่เหลือทางอื่นให้เลือก นอกจากเดินหน้าทำหน้าที่ “หัวหน้าพรรค” เพื่อรอ “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรค คนต่อไป !

 

ข่าวแนะนำ