มหากาพย์คดี “เขากระโดง” จังหวัดบุรีรัมย์ ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมและสื่อมวลชนทั่วประเทศเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับ พรรคการเมืองใหญ่ และ บุคคลระดับประเทศ หลายราย ซึ่งบางส่วนปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหารและมีอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่ถูกยกย่องเป็น ผู้นำจิตวิญญาณ ของพรรคภูมิใจไทย
ด้วยความอ่อนไหวและความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลนี้เอง ทำให้หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม ต่างแสดงความกังวลและตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินคดี ที่มีผลประโยชน์สาธารณะเป็นเดิมพัน อาจถูกชะลอหรือเบี่ยงเบนทิศทางไปในลักษณะที่อาจ เอื้อประโยชน์ ให้กับกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา แทนที่จะเป็นการคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณะอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาแนวทางที่ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีคำพิพากษาไว้ในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับที่ดินผืนนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568 (ข้อมูลจากต้นฉบับ) ระบุว่า ที่ดิน "เขากระโดง" เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินออกโดยมิชอบ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างปรับสภาพที่ดินคืนให้เรียบร้อย ต้อง ชำระค่าเสียหายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง! การรถไฟฯ ชนะคดีฟ้องขับไล่บุกรุกที่ดินเขตทางรถไฟบุรีรัมย์ สั่งเพิกถอนโฉนด-น.ส.ล. พร้อมเรียกค่าเสียหายรายเดือน
คำพิพากษาศาลชั้นต้น (ใหม่ยังไม่ถึงที่สุด) ได้มีคำสั่งในคดีระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (โจทก์) กับ นาง ก. (นามสมมุติ)(จำเลย) ในประเด็นเรื่องที่ดิน การเพิกถอนโฉนดที่ดิน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2562 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นฝ่ายชนะคดี
ประเด็นสำคัญของคดี
โจทก์คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินส่วนที่แยกมาจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในบริเวณเขตทางรถไฟ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่สำรวจและจัดซื้อไว้เพื่อใช้ประโยชน์กิจการรถไฟมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่จำเลยได้ทำการบุกรุกและครอบครองที่ดินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๒๐๑๒ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.ล.) เลขที่ ๔๒๙ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
จำเลยได้ต่อสู้คดีโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินและเป็นผู้มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และเอกสารสิทธิที่ดิน (โฉนดที่ดินและ น.ส.ล.) ถูกออกให้แก่จำเลย จึงไม่มีอำนาจที่จะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือชดใช้ค่าเสียหาย
ข้อพิจารณาของศาลและคำสั่ง
จากการพิจารณาของศาล พบว่า ที่ดินพิพาทแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตทางรถไฟของโครงการสร้างทางรถไฟหลวงจากนครราชสีมาไปยังอุบลราชธานี ซึ่งมีการกำหนดเขตทางรถไฟตามพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 โดยที่ดินที่ถูกพิพาทดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นบริเวณที่เป็นที่ว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของครอบครองทำประโยชน์ และมีการจ่ายค่าทดแทนในการจัดซื้อที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟไปแล้ว
แม้จะมีโฉนดที่ดินและ น.ส.ล. ออกให้แก่จำเลยในภายหลัง แต่เมื่อพิจารณาตามหลักฐานแล้ว ศาลเห็นว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว (โฉนดเลขที่ ๑๒๐๑๒ และ น.ส.ล. เลขที่ ๔๒๙) เป็นการออกโดยคลาดเคลื่อน เนื่องจากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตั้งอยู่ในเขตที่สงวนไว้เพื่อกิจการรถไฟตามกฎหมาย ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟทางหลวง พ.ศ. 2464 มาตรา 4 (2) และมาตรา 30 ได้ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างหรือหวงห้ามพื้นที่ในเขตทางรถไฟ
ดังนั้น ศาลจึงพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท โดยมีคำสั่งดังนี้:
1. ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๒๐๑๒ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.ล.) เลขที่ ๔๒๙ ในส่วนที่พิพาท
2. ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์
3. ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ ๓,๒๕๐ บาท นับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา (5 สิงหาคม 2562) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
ที่ดิน "เขากระโดง" เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินออกโดยมิชอบ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างปรับสภาพที่ดินคืนให้เรียบร้อย ต้อง ชำระค่าเสียหายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง! การรถไฟฯ ชนะคดีฟ้องขับไล่บุกรุกที่ดินเขตทางรถไฟบุรีรัมย์ สั่งเพิกถอนโฉนด-น.ส.ล. พร้อมเรียกค่าเสียหายรายเดือน
คำพิพากษาศาลชั้นต้น (ใหม่ยังไม่ถึงที่สุด) ได้มีคำสั่งในคดีระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (โจทก์) กับ นางประภาวดี เรืองงาม (จำเลย) ในประเด็นเรื่องที่ดิน การเพิกถอนโฉนดที่ดิน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2562 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นฝ่ายชนะคดี
ประเด็นสำคัญของคดี
โจทก์คือการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินส่วนที่แยกมาจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในบริเวณเขตทางรถไฟ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่สำรวจและจัดซื้อไว้เพื่อใช้ประโยชน์กิจการรถไฟมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่จำเลยได้ทำการบุกรุกและครอบครองที่ดินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๒๐๑๒ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.ล.) เลขที่ ๔๒๙ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
จำเลยได้ต่อสู้คดีโดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินและเป็นผู้มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และเอกสารสิทธิที่ดิน (โฉนดที่ดินและ น.ส.ล.) ถูกออกให้แก่จำเลย จึงไม่มีอำนาจที่จะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือชดใช้ค่าเสียหาย
ข้อพิจารณาของศาลและคำสั่ง
จากการพิจารณาของศาล พบว่า ที่ดินพิพาทแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตทางรถไฟของโครงการสร้างทางรถไฟหลวงจากนครราชสีมาไปยังอุบลราชธานี ซึ่งมีการกำหนดเขตทางรถไฟตามพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 โดยที่ดินที่ถูกพิพาทดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นบริเวณที่เป็นที่ว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของครอบครองทำประโยชน์ และมีการจ่ายค่าทดแทนในการจัดซื้อที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟไปแล้ว
แม้จะมีโฉนดที่ดินและ น.ส.ล. ออกให้แก่จำเลยในภายหลัง แต่เมื่อพิจารณาตามหลักฐานแล้ว ศาลเห็นว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว (โฉนดเลขที่ ๑๒๐๑๒ และ น.ส.ล. เลขที่ ๔๒๙) เป็นการออกโดยคลาดเคลื่อน เนื่องจากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตั้งอยู่ในเขตที่สงวนไว้เพื่อกิจการรถไฟตามกฎหมาย ซึ่งตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟทางหลวง พ.ศ. 2464 มาตรา 4 (2) และมาตรา 30 ได้ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างหรือหวงห้ามพื้นที่ในเขตทางรถไฟ
ดังนั้น ศาลจึงพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท โดยมีคำสั่งดังนี้:
1. ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๒๐๑๒ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.ล.) เลขที่ ๔๒๙ ในส่วนที่พิพาท
2. ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์
3. ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ ๓,๒๕๐ บาท นับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา (5 สิงหาคม 2562) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษานี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
#เขากระโดง #การรถไฟแห่งประเทศไทย #ศาลบุรีรัมย์ #ที่ดินรัฐ #บุกรุกที่ดิน #คดีที่ดิน #RFA #คดีเขากระโดง #การรถไฟฯ #โฉนดที่ดิน #คดีดัง #ข่าวการเมือง #บุรีรัมย์ #ข่าวร้อน