เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนว่า ขณะนี้ทีมงานอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. ที่ลงมาดำเนินการเอง โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1 เดือน เนื่องจากแนวทางเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
สำหรับแผนจัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) เพื่อจัดการหนี้เสีย นายเอกนิติ ระบุว่า มีแนวทางดำเนินการอยู่ 2 รูปแบบ คือ
จัดตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งอาจใช้เวลานานและไม่ทันตามกรอบเวลา 4 เดือนที่ตั้งเป้าไว้
ใช้บริษัทที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. และกระทรวงการคลัง โดยแนวทางนี้จะทำได้รวดเร็วกว่ามาก เนื่องจากมีโครงสร้างและกลไกพร้อมอยู่แล้ว
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลัง, ธปท. และสมาคมธนาคารไทย กำลังหารือร่วมกัน โดยแนวคิดหลักคือการต่อยอดจากโครงการเดิม “คุณสู้เราช่วย” ที่รัฐบาลก่อนดำเนินการไว้ ซึ่งใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถนำบางส่วนมาใช้ซื้อหนี้จากระบบธนาคารได้ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท โดย ธปท. กำลังช่วยตรวจสอบและคำนวณตัวเลขอย่างละเอียด
ทั้งนี้ รูปแบบจะคล้ายกับการแก้ปัญหาช่วงวิกฤตปี 2540 คือ การซื้อหนี้ออกมาในราคาต่ำ แล้วนำมาฟื้นฟูลูกหนี้ โดยช่วย “เติมเงิน-เติมโอกาส” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างวินัยทางการเงินให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง
นายเอกนิติ อธิบายว่า ลูกหนี้แต่ละคนมักมีหนี้กับหลายธนาคาร และเมื่อหนี้กลายเป็น NPL จะถูกติดตามจากหลายแห่ง จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางมารวมข้อมูลและประเมินศักยภาพลูกหนี้ เช่น ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท แต่ต้องผ่อนชำระเดือนละ 3,000–4,000 บาท ย่อมไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด แต่หากย้ายหนี้มาอยู่ภายใต้การดูแลของ AMC ก็จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ เช่น ลดเงินต้น หรือลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ยอดผ่อนลดลงจาก 5,000 บาทเหลือเพียง 1,000 บาทต่อเดือน ลูกหนี้จึงมีเงินเหลือใช้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการป้องกันปัญหา Moral Hazard โดยหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ลูกหนี้จะต้องแสดงความมีวินัยทางการเงิน หากชำระหนี้ตรงตามเวลา จะได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม และสามารถกลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง
เมื่อถูกถามถึงอัตราส่วนลดในการซื้อหนี้จากธนาคาร นายเอกนิติ กล่าวว่า จะเป็นราคายุติธรรม โดยอ้างอิงจากแนวทางที่เคยใช้ในวิกฤตปี 2540 แต่ครั้งนี้จะใช้รูปแบบ “Gain-Loss Sharing” คือ หากมีกำไรก็แบ่งกัน หากขาดทุนก็ร่วมรับภาระ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับมายืนได้อีกครั้ง
#รมวคลัง #เอกนิตินิติทัณฑ์ประภาศ #SAM #BAM #AMC #แก้หนี้ประชาชน #หนี้ครัวเรือน #ธปท #กระทรวงการคลัง #NPL #คุณสู้เราช่วย #เศรษฐกิจไทย #หนี้เสีย #ฟื้นฟูลูกหนี้