“พิพัฒน์” ยังมั่นใจ สมาชิก ปชป. ที่ดีลไว้มาร่วมงาน ภท. ชี้ เป็นการการตัดสินใจของแต่ละคน หากได้ “อภิสิทธิ์” เป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงความชัดเจน สส. พรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งหลังจากวันที่ 18 ต.ค. ตนยังมีความมั่นใจว่าคนที่ตนไปหารือและเชิญมาร่วมงานก็ยังยืนยันจะมาร่วมทำงานทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งผลต่อการย้ายมาสังกัดของ สส. อย่างไร นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คนที่ตนไปพูดคุยยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้ลาออก เขาต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งแต่ละคนก็มี สส.พรรคในทีมของตัวเอง จึงมีการชะลอในการเลือกหัวหน้าพรรคให้เรียบร้อยก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค จริง กลุ่มที่คุยไว้จะยังมาร่วมงานหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละคน ซึ่งตัวเองยังมีความมั่นใจ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้สส.ภาคใต้เพิ่มขึ้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของตนคงไม่สามารถตอบอะไรได้ ต้องถามคนไทยทุกคนว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเลือกใคร แต่แน่นอนว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้บอกแล้วว่าระยะเวลา 4 เดือนที่เหลืออยู่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาหลายด้าน ก็จะทำให้เร็วและดีที่สุด ก่อนจะคืนอำนาจให้คนไทยทุกคน เพื่อให้ความมั่นใจว่าต้นปีหน้าคืนอำนาจให้กับประชาชนว่าจะเลือกใครเข้ามาบริหารต่อไป แต่ย้ำว่า 4 เดือนจากนี้ไป นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นรัฐรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะพยายามทำงานให้เร็วและดีที่สุด ซึ่งเรื่องสำคัญที่สุดวันนี้คือเรื่องปากท้อง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ขณะที่นโยบายภาคใต้ ของพรรคภูมิใจไทยนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคกำลังร่าง โดยจะยึดตามแต่ละภูมิภาคของประเทศ เช่นภาคใต้มีเรื่องปัญหายางพารา ปาล์มและผลไม้ตามฤดูกาล ขณะที่ภาคกลางภาคอีสานเป็นเรื่องข้าว รวมถึงนโยบายในกรุงเทพฯจะทำอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งคงไม่ประกาศเป็นภาพรวมว่าเศรษฐกิจประเทศไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นลักษณะเหมาเข่ง แต่จะเน้นในแต่ละภูมิภาค