วันที่ 4 ต.ค.68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ หรือ หมอเจด รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์เฟซบุ๊ก "หมอเจด" หัวข้อ "ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน อันตรากว่าที่คิด" โดยระบุว่า ถ้าวันหนึ่งมองกระจกแล้วอยู่ ๆ เห็นว่าปากเบี้ยว ยิ้มไม่เท่ากัน หรือหน้าดูเอียง ๆ หลายคนอาจตกใจ คิดว่าเป็นเรื่องเครียด นอนน้อย หรืออย่างที่คนโบราณชอบพูดว่า “โดนลมเพลมพัด” แต่ความจริงแล้ว อาการแบบนี้อาจซ่อนโรคอันตรายที่ต้องรีบหาสาเหตุทันที เพราะบางอย่างถ้าช้าไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็อาจเปลี่ยนชีวิตได้เลยครับ
1.โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
อันนี้ถือว่าอันตรายที่สุดและเจอบ่อยที่สุดครับ เกิดจากเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าทำงานไม่ได้ มักมาพร้อมอาการอื่น ๆ เช่น พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก หรือเดินเซ ถ้าไม่รีบไปโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก อาจพิการถาวรหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยครับ
2. อัมพาตเส้นประสาทใบหน้า
อีกโรคที่ทำให้หน้าหรือปากเบี้ยวได้คือ Bell’s palsy เกิดจากเส้นประสาทใบหน้าอักเสบ อาการคล้ายสโตรก มาก แต่ต่างกันตรงที่ Bell’s palsy มักเป็นแค่ที่หน้า ไม่กระทบแขน ขา หรือการพูด ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสหรือภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติ ถึงแม้จะไม่อันตรายเท่าสโตรก แต่ก็ต้องตรวจให้แน่ชัดครับ
3. เนื้องอกหรือการกดเบียดในสมอง
ถ้ามีเนื้องอกไปกดสมองหรือเส้นประสาท อาจทำให้หน้าอ่อนแรงได้เหมือนกันครับ แต่โรคนี้มักเป็นแบบค่อย ๆ มากขึ้น ไม่ได้มาเฉียบพลันเหมือนสโตรกการตรวจสมองด้วย MRI หรือ CT จะช่วยยืนยันสาเหตุได้ และจะได้รักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ
4. การบาดเจ็บหรือการติดเชื้อที่หูหรือกกหู
บางครั้งปัญหาที่ทำให้หน้าเบี้ยวอาจมาจากใกล้กว่าที่คิด เช่น การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง หรือโรคงูสวัดที่ออกแถวใบหน้า ซึ่งทำให้เส้นประสาทอักเสบจนกล้ามเนื้อหน้าอ่อนแรงได้เหมือนกัน อาการแบบนี้ไม่ควรปล่อยไว้นะครับ เพราะการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยลดโอกาสเกิดความเสียหายถาวรได้
ถ้าวันไหนสังเกตว่าตัวเองหรือคนรอบข้างมีอาการปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน อย่าชะล่าใจนะครับ เพราะอาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด ให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ชัดดีกว่าเสียเวลาเดาเอง การเจอและรักษาได้เร็วจะช่วยชีวิตครับ
สุขภาพ
48
อย่าชะล่าใจ! "หมอเจด" เตือน "ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน" อันตรายกว่าที่คิด
แชร์ข่าว