DITP ผนึกกำลังร่วมกับภาคเอกชน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (BOT) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) จัดเจรจาการค้า นำผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง และสินค้าศักยภาพที่เกี่ยวเนื่องสำหรับกลุ่มโปรเจคต์ รวม 46 บริษัท บุกเจรจาการค้ากับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยเผชิญกับมาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา กรมจึงได้เฟ้นหาตลาดศักยภาพใหม่เพื่อทดแทนและเพิ่มโอกาสกับผู้ประกอบการ ซึ่งอินเดียเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย มีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานกับประเทศไทย และพร้อมจะเปิดประตูต้อนรับมิตรใหม่จากต่างแดน” โดยในกิจกรรมดังกล่าวนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ได้เชิญชวนผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าของอินเดียร่วมกิจกรรมเจรจาการค้าและได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า ประเทศอินเดีย

ภายในกิจกรรม Business Matching มีผู้เข้าร่วมเจรจาการค้าจำนวน 92 บริษัท เกิดการเจรจาการค้า 312 คู่ สร้างผลการเจรจาการค้าทันทีและคาดการณ์ภายใน 1 ปี รวม 43.32475 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,386 ล้านบาท) สินค้า 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) STRUCTUAL STEEL, (2) ENERGY SAVING COOLING TOWER, (3) NATURAL ROOF FANS, (4) METAL FRABRICATION และ (5) RUBBERWOOD FINGERJOINT BOARD ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยเห็นว่าการจัด Business Matching เป็นกิจกรรมที่ตรงความต้องการทั้งของผู้นำเข้าและผู้ส่งออก สามารถพบลูกค้าที่เหมาะกับสินค้า และแสดงความประสงค์ให้กรมจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อีกเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งอยากให้ลองเปิดตลาดใหม่ๆ ในอนาคต


นอกจาการจัดกิจกรรม Business Matching แล้ว DITP และ BOT นำทีมผู้ประกอบการเยี่ยมพบและสำรวจตลาดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอินเดีย ได้แก่ บริษัท RPS GROUP ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ บริษัท MQDC โครงการในเครือ CP Group ของประเทศไทยที่เป็นผู้พัฒนาด้าน Co-working & Innovation Hub โครงการ DLF Camellias โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัย เน้นตลาด Luxury ระดับราคาตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป และโครงการ KRISUMI Waterfall Residences โครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมทุนระหว่างญี่ปุ่นและอินเดีย เน้นเจาะกลุ่ม Expat ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ประกอบการได้เห็นแนวโน้มการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โอกาสทางการค้าของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และสามารถต่อยอดพัฒนานวัตกรรมและสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดได้ ซึ่งเรียกได้ว่า การนำผู้ประกอบการบุกแดนภารตะในครั้งนี้ เป็นการเปิดประตูการค้าที่สวยงามและได้รับผลตอบรับเกินคาด นับเป็นเป้าประสงค์สูงสุดของ DITP ในการจัดโครงการในครั้งนี้