ดูเหมือนการทำ “MOA” ระหว่าง “พรรคประชาชน” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ในประเด็นที่ตั้งเงื่อนไขให้ พรรคสีน้ำเงิน ดำรงสถานการณ์เป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไม่มีการดึงสส.เข้ามาเติม จนกลายเป็นการเพิ่มตัวเลขสส.ฝั่งรัฐบาลอาจไม่เป็นผลหรือมีความหมายนัก
เพราะปรากฏว่า จากวันที่สองพรรค ทำ MOA จนมาถึง ณ วันนี้ เกิดความเคลื่อนไหว ทางการเมืองอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย ที่กลายเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดให้สส. ,อดีตสส. ไปจนถึง “กลุ่มก๊วน” จากหลายต่อหลายพรรค มุ่งหน้าเข้าสมัครขอเป็นสมาชิกพรรค ชนิดตลอดชีพกันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งกลุ่มมะขามหวาน ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ที่ตัดสินใจลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ทิ้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยมีข่าวลือว่าเจ้าตัว จะออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาแล้วตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลใหม่ “อนุทิน 1”
แถมงานนี้สันติ ยังไม่มาคนเดียว ยังหอบกลุ่มก๊วนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคสีน้ำเงินอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้อาจไม่มีอะไรเกินไปจากความคาดหมาย เพราะในเมื่อ “พัฒนา พร้อมพัฒน์” ลูกชายสันติ ได้เข้าไปนั่ง “รมว.สาธารณสุข” นำร่องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่า การย้ายพรรค ของสส. ที่จะพาเหรดกันมาที่พรรคสีน้ำเงิน ยังจะมีทยอยมากันอีกอย่างต่อเนื่อง เพราะอย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เพิ่งเปิดพรรคต้อนรับ “ฆอซาลี ดุสะเหม๊าะ” ว่าที่ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 8 ไปเมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทย ยังเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย พลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ จะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งเป็นอดีตกรรมการบริหารและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ,ษณกร กี่สิ้น อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ลงเขตเลือกตั้งที่ 2 และ วิวัฒน์ จินดาพล อดีตสมาชิก อบจ.ภูเก็ต ลงเขตเลือกตั้งที่ 3
ล่าสุด พิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ ทำผิด MOA กับพรรคสีส้ม เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเตรียมเอาไว้สำหรับการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นในครั้งหน้า ทั้งนี้คงไม่ใช่แค่ พรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ที่กำลังเนื้อหอม
แต่อย่าลืมว่า “พรรคกล้าธรรม” แม้จะเป็นพรรคเล็ก เพิ่งเกิดใหม่ แต่ดูเหมือนว่า “เส้นทาง” การเติบโต ในสนามเลือกตั้งรอบหน้า มีแนวโน้มอาจถึงขั้น “ก้าวกระโดด” แม้ตัวเลขสส. ไม่ถึงกับตั้งเป้าไปสู่ “พรรคอันดับหนึ่ง” เหมือน “พรรคสีน้ำเงิน”
เมื่อวันนี้พรรคกล้าธรรม กลายเป็น “ที่หมายใหม่” ที่เปิดรับอดีตสส.และแกนนำทั้งจากพรรคเพื่อไทย และยังมีแนวโน้มว่า “แกนนำพรรคประชาธิปัตย์” ที่เกิดความขัดแย้งกันเองจนมีข่าวว่า ทั้ง “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาฯพรรค เตรียมจะย้ายมาอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค โดยก่อนนี้ ร.อ.ธรรมนัส เพิ่งได้ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตแกนนำจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมงานด้วย
จากนั้นไม่กี่วันมีการเปิดตัว “ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ” อดีต สส.อุบลราชธานี 8 สมัย ที่ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคเพื่อไทย แล้วมารับตำแหน่งใหม่ ที่กระทรวงเกษตรฯ คือเก้าอี้ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ ทำงานกับ ร.อ.ธรรมนัส งานนี้ชูวิทย์ ยังพา “ลูกสาว” คือ “กานต์” สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลฯ เขต 7 มาด้วย

พรรคกล้าธรรม โดยร.อ.ธรรมนัส เคยประกาศตั้งเป้า สส.เอาไว้ที่ 70 ที่นั่ง การส่งสัญญาณเช่นนี้สำหรับพรรคกล้าธรรม คือการบอกกับ “พรรคเพื่อไทย” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคสีแดง ที่ยังอยู่ในเรือนจำ เวลานี้ ว่า วันนี้ภาคอีสาน ไม่มีเจ้าของ ใครก็สามารถบุกเข้าไปชิงพื้นที่ได้
จากนี้ไป มีรายงานว่าจะมีบิ๊กเนมจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และโดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย จะเริ่มเปิดตัว เปิดหน้า รีบจับจองที่นั่งกันอย่างคึกคัก เพราะอย่าลืมว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้า ย่อมจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หากใคร ยังไม่ตัดสินใจ โอกาสที่จะ “ถูกเบียด” จนเกิดปัญหาทับซ้อนในประเด็นเรื่อง “เขตเลือกตั้ง” ยิ่งมีสูง
แต่ที่แน่ๆ วันนี้เมื่อ “ตลาดนัดนักการเมือง” เปิดแล้ว เรื่อง MOA ก็คงมีแต่พรรคประชาชน ที่ “กอด” ข้อตกลงนี้เอาไว้อยู่ฝ่ายเดียว !