สุขภาพ
1.4k

DPU ชูบทบาทผู้นำสมุนไพรไทย “สุรพจน์ วงศ์ใหญ่” ร่วมหารือ ม.อ.ยกระดับงานวิจัย สู่ความมั่นคงด้านยาและเศรษฐกิจสุขภาพ

แชร์ข่าว

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดย รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส  และผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ เข้าร่วมการประชุมหารือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยโดยเฉพาะกลุ่มยาสมุนไพรเพื่อความมั่นคงในระบบยาของชาติและการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิจัยที่เข้มแข็งทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อยกระดับศักยภาพการพัฒนาสมุนไพรไทยสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม  โดยมี ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารด้านวิจัย วิชาการ นวัตกรรม และการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ ห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา

สำหรับการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย ให้ยืนได้ในตลาดโลก โดยหารือในกรณีการวิจัยยารักษาผู้ติดยาเสพติดจากสมุนไพรกระท่อม 2. การพัฒนานวัตกรรมยาสมุนไพรเพื่อความมั่นคงด้านยาของประเทศ และ 3.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ ที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยทาง ม.อ. ได้มีการหยิบยกตัวอย่างงานวิจัย “กระท่อมเพื่อการแพทย์” ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อรักษาผู้ติดยาเสพติด พบว่ามีความก้าวหน้าจนเข้าสู่งานวิจัยทางคลินิกมาเป็นกรณีศึกษา พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้เทคโนโลยีการสกัดสมุนไพรที่ยังสามารถคงคุณค่าตามภูมิปัญญาดั้งเดิมไว้ได้

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ กล่าวเน้นว่า หัวใจของการพัฒนายาสมุนไพรไทย คือการเริ่มต้นจากตำรับดั้งเดิมจากภูมิปัญญาของไทยที่มีสรรพคุณตามที่ตลาดต้องการ แล้วต่อยอดด้วยเทคโนโลยีการสกัดให้มีคุณภาพสูง เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลตามเกณฑ์สากล แนวทางนี้จะช่วยให้ยาสมุนไพรไทยเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนได้เร็วขึ้นและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงเป็นรูปธรรม ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนา คือการพัฒนายาสมุนไพรที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพระดับโลก อาทิ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพสมองและสุขภาพจิต รวมถึงการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยที่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจนเป็นสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน

DPU และ ม.อ. มีแนวทางสอดคล้องกันในการเชื่อมโยง “วิจัย–คลินิก–อุตสาหกรรม” เข้าด้วยกัน ครอบคลุมตั้งแต่การคัดเลือกตำรับยาสมุนไพรที่มีศักยภาพ การพัฒนางานวิจัยในระดับพรีคลินิก การยืนยันคุณภาพในห้องปฏิบัติการ การทดลองทางคลินิก ไปจนถึงกระบวนการผลิตในโรงงานสารสกัดสมุนไพรและโรงงานผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลักดันให้ผลงานวิจัยก้าวสู่การเป็นผลิตภัณฑ์และการบริการสุขภาพที่ใช้ได้จริงในระบบสาธารณสุข และยังสามารถต่อยอดสู่การพัฒนาสินค้าเชิงพาณิชย์สำหรับตลาดต่างประเทศได้”คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU กล่าว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ รศ. ดร.ภก.สุรพจน์ มองว่า สมุนไพรไทยมีศักยภาพสูงในการแข่งขันในตลาดโลก หากยึด “สามเสาหลัก” ในการสร้างนวัตกรรมยาสมุนไพร คือ หลักแรกต้องเข้าใจเรื่องตลาดและกฎเกณฑ์การขึ้นทะเบียนของประเทศปลายทาง หลักที่สองคือค้นหาภูมิปัญญายาสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณตามที่ตลาดต้องการโดยเลือกภูมิปัญญาที่เป็นของแท้ และหลักที่สามคือใช้เทคโนโลยีสมุนไพรขั้นสูงเพื่อพัฒนาต่อยอดจากภูมิปัญญาจนได้ยาสมุนไพรคุณภาพ ประกอบกับการทำงานเชิงบูรณาการของทุกภาคส่วนจะทำให้ไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางนวัตกรรมยาสมุนไพรได้

ทั้งนี้ รศ. ดร.ภก.สุรพจน์ ยังได้ฝากข้อคิดถึงนักวิจัยและคนรุ่นใหม่ว่า ควรเลือกโจทย์วิจัยยาสมุนไพรที่ตอบโจทย์ปัญหาจริงในระบบสุขภาพของประเทศและโลกโดยใช้ข้อมูลตลาดเป็นตัวนำ ทำงานเป็นทีมสหสาขา และพัฒนาไปจนถึงขั้นสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่หยุดเพียงการตีพิมพ์ผลงานวิชาการเท่านั้น โดยประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งด้านภูมิปัญญา ความหลากหลายของวัตถุดิบสมุนไพร และองค์ความรู้ หากต่อยอดได้ครบทุกมิติ จะส่งผลให้สมุนไพรไทยก้าวขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ตลาดต้องการ สามารถสร้างนวัตกรรมสุขภาพเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสุขภาพโดยเฉพาะจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ช่วยเสริมสร้างทั้งความมั่นคงด้านยาและการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศ ในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตามหลังจากการหารือ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU ยังได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตภัณฑ์สมุนไพรและโรงงานเครื่องสำอาง ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการแนะนำการใช้โครงสร้างพื้นฐานของ ม.อ. ในการพัฒนาตำรับยาแผนไทยชนิดสกัดเข้มข้น เสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการสกัด การควบคุมคุณภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไป ตอกย้ำบทบาทของ DPU ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาตำรับยาสมุนไพรไทยจากภูมิปัญญาชนิดสกัดเข้มข้นจำนวน 277 ตำรับ ที่ใช้ได้ผลอย่างดีกับผู้ป่วยจนสามารถพัฒนาเป็นคลินิกแพทย์แผนไทยต้นแบบที่มีคุณภาพเพื่อขับเคลื่อนการบริการสุขภาพแบบพรีเมียมที่เป็นอัตลักษณ์ไทยอันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพและยาของประเทศรวมถึงการสร้างเศรษฐกิจสุขภาพอย่างยั่งยืน

 

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว