วันที่ 1 ต.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง “เห็นเค้าลางญัตติไม่ไว้วางใจแล้ว” ระบุว่า เห็นเค้าลางญัตติไว้ไว้วางใจแล้ว
การอภิปรายนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใช้ระยะเวลา2วันเต็มๆ การอภิปรายของทุกฝ่าย ตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านทั้ง2พรรคใหญ่ คือพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงสมาชิกวุฒิสภา ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ถ้าจะให้คะแนนของแต่ละฝ่าย ก็ต้องยอมรับว่ามีคะแนนที่สูสีและไล่เลี่ยกัน มีการอภิปรายแบบไม่ลดราวาศอก ตอบโต้กันทุกเม็ด ประเภทถึงพริกถึงขิง ทำให้เห็นการตอบโต้กันเป็นคู่ๆ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 คู่
การอภิปรายนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้เปรียบเสมือนกับการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในโอกาสต่อไป ถ้าจะรวบรวมประเด็นของการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลชุดนี้ และจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต ซึ่งสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศแล้วว่า สถานีต่อไป Next Station ก็คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ ยังบอกว่า Coming Soon แสดงว่ามีการจองกฐินญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเกิดขึ้นแน่นอน ภายใน4เดือนนี้
ถ้าจะดูประเด็นที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ น่าจะมีประเด็นหลักๆอยู่3ประเด็น คือ
1.เรื่องเกี่ยวกับคดีฮั้วส.ว. ซึ่งมีการพาดพิงและยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปราย จนมีการตอบโต้จากสมาชิกวุฒิสภาหลายคน และมีการกล่าวหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคน รวมไปถึงสมาชิกพรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วส.ว. ซึ่งจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แน่นอน
2.เรื่องเกี่ยวกับคดีที่ดินเขากระโดง ซึ่งล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) ได้ดำเนินคดีฟ้องผู้บุกรุกเป็นรายแปลงแล้ว ถ้าหากกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจในรัฐบาล รวมไปถึงบทบาทของ DSI ถูกดิสเครดิต หรือมีการแทรกแซง จะมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกประเด็นหนึ่ง
3.เรื่องเกี่ยวกับประวัติคุณสมบัติของรัฐมนตรี ซึ่งมีการเปิดข้อมูลเบื้องต้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติด้านจริยธรรม และคดีความที่อยู่ในการพิจารณาของปปช. ความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับแก๊งสแกมเมอร์ หรือกลุ่มทุนธุรกิจสีเทา ซึ่งมีการฉายหนังตัวอย่างให้เห็นแล้ว จากสมาชิกพรรคประชาชน ถ้ามีประเด็นอย่างต่อเนื่อง อาจจะลุกลามไปถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ และผู้อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองอีกหลายคน ก็เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่จะนำไปสู่การยื่นคำร้องเอาผิดนายกรัฐมนตรี ที่แต่งตั้งบุคคลที่ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย ก็เป็นไปได้
สำหรับประเด็นที่ตามมา ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่4 ถ้าหากว่าหลังจากการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล หรือการแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลเข้าปฎิบัติหน้าที่ดำเนินนโยบาย หรือทำงานมีประเด็นข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา ก็จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อีก เป็นประเด็นที่เพิ่มมาเป็นประเด็นที่4 เชื่อว่าก่อนที่จะปิดสมัยประชุมหรือหลังเปิดประชุมสมัยครั้งต่อไป ราวกลางเดือนธันวาคม จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีการชิงการนำกัน ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย จะยื่นยุติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือจะตกลงกันได้เพื่อยื่นญัตติพร้อมกัน
แต่เชื่อว่าไม่ทันได้ยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็จะชิงยุบสภาเสียก่อน คงจะไม่ปล่อยให้ถูกคว่ำกลางสภา เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อย่างแน่นอน
ผมยังยืนยันและฟันธงว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ไม่ครบ4เดือนอย่างแน่นอนครับ