แพทย์หญิงไทย ทำโลกตะลึง นำหลักการถ่ายทอดปัญญาแห่งจิต สู่การเยียวยา บำบัดช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและความเครียด อันนำไปสู่การฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นภาวะการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นของประชากรทั่วโลก เผย การบูรณาการทางความคิด จิต อารมณ์ และสติสัมปชัญญะเข้าด้วยกัน เป็นพลังหนึ่งเดียวที่จะช่วยให้คนเรามีความยืดหยุ่น เข้าใจในสถานการณ์ เห็นความชัดเจนของปัญหา เห็นทางแก้ไข และ มีความเห็นอกเห็นใจ มั่นใจว่า การถ่ายทอดปัญญาแห่งจิตนี้ จะสามารถเชื่อมโยง ผสมผสานระหว่างประเพณีและนวัตกรรมเพื่อทำให้ ผู้คนทั่วโลกมีความมั่นคง และ มีสุขภาพดีในระยะยาว
แพทย์หญิง ดร. เอมอร โคพีร่า แพทย์หญิงไทยผู้คร่ำหวอดในการศึกษาด้านสาธารณสุข ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาแนวพุทธมาอย่างยาวนาน ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก กล่าวว่า ประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาสำคัญในเส้นทางสุขภาพจิต สำหรับคนไทยพบว่า มากกว่า 9% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า 7% มีภาวะเครียดสูงในระดับอันตราย และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา พบว่า มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเฉลี่ย 15 คนต่อวัน หรือเฉลี่ย 1 คนในทุก 2 ชั่วโมง การเข้าถึงการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญมีจำกัด โดยมีจิตแพทย์เพียง 1.28 คน และนักจิตวิทยา 1.57 คน ต่อประชากร 100,000 คน และบางจังหวัดไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเลย “ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในทุกประเทศทั่วโลกเช่นกัน ดังนั้น จำเป็นต้องอาศัยแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพและหยั่งรากลึกในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ”

แพทย์หญิง ดร.เอมอร กล่าวต่อไปว่า “ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยมักเกิดจากบาดแผลที่อยู่ในจิต และบาดแผลที่ลึกที่สุด คือบาดแผลที่มองไม่เห็น มันฝังรากลึกในจิตและในหัวใจ ความตระหนักรู้นี้หล่อหลอมเส้นทางที่จะแสวงหาการเยียวยาที่อยู่เหนือสภาวะทางร่างกาย ซึ่งดิฉันได้นำเอาจิตวิทยาแนวพุทธ จิตวิทยาเหนือบุคคลและการฟื้นฟูเยียวยาในโลกตะวันตก และสำรวจการใช้การบำบัดด้วยสารจิตประสาท และการใช้เห็ดทางการแพทย์ ภายใต้การควบคุมและดูแลจากแพทย์อย่างเข้มงวด ที่อิงอ้างหลักการบำบัดจากงานวิจัยเชิงประจักษ์ มาใช้เพื่อช่วยในการเยียวยา หลังจากที่ดิฉันได้บรรยายเรื่องนี้บนเวทีระดับโลกและตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการหายใจอย่างมีสติและสติสัมปชัญญะ ดิฉันกลับเมืองไทยพร้อมกับภาระกิจใหม่ นั่นคือการช่วยให้ประเทศไทยเป็นผู้นำโลกในสิ่งที่ดิฉันเรียกว่า “ปัญญาแห่งจิต (สติปัญญาทางจิตใจ)”
สติปัญญาทางจิตใจ คือ ความสามารถในการควบคุม ขยาย และเปลี่ยนแปลงสภาวะภายในของเรา มันคือ การบูรณาการทางความคิด จิต อารมณ์ และสติสัมปชัญญะเข้าด้วยกัน เป็นพลังหนึ่งเดียวที่จะเยียวยาผู้คน โดยสติปัญญาทางจิตใจ จะส่งผลคนที่เข้าถึง เกิดความยืดหยุ่น ความชัดเจน และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการสร้างสมดุลในการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่จะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้เกิดความมั่นคง และสร้างสุขภาพดีให้แก่ประชาชนและประเทศชาติในระยะยาวอีกด้วย

การบำบัดด้วยการหายใจ การบำบัดด้วยสารจิตประสาท และการใช้เห็ดทางการแพทย์ ภายใต้การควบคุมและดูแลจากแพทย์อย่างเข้มงวด ไม่ใช่สิ่งทดแทนการดูแลแบบดั้งเดิม แต่เป็นเครื่องมือเสริมที่เมื่อปฏิบัติอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม จะสามารถค้นพบเส้นทางใหม่ ๆ สำหรับการเยียวยาบาดแผลทางใจ ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวลได้
แนวทางในการดำเนินงาน คือ การทำให้ปัญญาแห่งจิตเป็นทรัพยากรที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน ชุมชน และสถานที่ทำงาน ประเทศที่ปัญญาแห่งจิตเข้มแข็งจะไม่เพียงแต่เยียวยาประชาชนเท่านั้น แต่ยังจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลกอีกด้วย
“ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน การผสมผสานประเพณีเข้ากับนวัตกรรม ช่วยให้เรานิยามความหมายของสุขภาวะทางจิตใจใหม่ได้ ไม่ใช่แค่การปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่คือการมีจิตใจแจ่มใส เข้มแข็ง และเบิกบาน ดิฉันเชื่อว่าประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวระดับโลกครั้งนี้ได้ และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยกำหนดทิศทางดังกล่าว” แพทย์หญิง ดร. เอมอร กล่าวในที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://draimon.com/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล์ Aimonkopera@gmail.com และ Draimon@mindaiinstitute.com