ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
คณะรัฐมนตรีเข้ากระทรวงเริ่มเดินหน้าตามนโยบาย 1 ปี ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา คงต้องรอดูแต่ละกระทรวงจะเดินหน้ากันอย่างไร
โครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลรวบรวมจากนโยบายของพรรคร่วม 19 พรรค และโดยเฉพาะโครงการของรัฐบาลเอง 10 ด้าน จะทำกันได้สักกี่ด้านในปัญหาการแก้ปากท้องของประชาชนและเกษตรกร แบ่งได้ 5 ด้านใหญ่ๆ เช่น
1.โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
1.1 สานต่อสวัสดิการแห่งรัฐ
1.2 การใช้บัตรซื้อสินค้าเกษตร/ชุมชน
1.3 ใช้แอพพลิเคชั่นของกรุงไทยโดยไม่ต้องรูดบัตร
1.4 ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400-420 บาท/วัน
2. โครงการช่วยเหลือเกษตรกร
2.1 พักหนี้เกษตรกร
2.2 ข้าวหอมมะลิ ราคาไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท/ตัน
2.3 ข้าวเปลือกเจ้า ราคาไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/ตัน
2.4 อ้อย ราคาประกันรายได้ 1,000 บาท/ตัน
2.5 ยางพารา ราคาไม่ต่ำกว่า 65 บาท/ กก.
2.6 ปาล์ม 4-5 บาท
2.7 ค่าเก็บเกี่ยวข้าวจากราคาไร่ละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท
2.8 ส.ป.ก. กู้ได้/โฉนดสืบทอดถึงลูกหลานได้
2.9 แก้กฎหมายปลูกกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์
3. โครงการช่วยเหลือมารดา
3.1 ตั้งครรภ์รับ 3,000 บาท / เดือน
3.2 ค่าคลอด 10,000 บาท/คน
3.3 ค่าดูแลเด็ก 2,000 บาท/เดือน จนถึง 6 ขวบ รวม 144,000 บาท
3.4 รวมเป็นเด็ก 1 คน จะได้รับ 181,000 บาท
4. โครงสร้างพื้นฐาน
4.1 โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
4.2 โครงการเมกะโปรเจ็กต์ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
5. เสริมสร้างศักยภาพของผู้ผลิต
เป็นโครงการเพิ่มระดับความสามารถของผู้ผลิต 5 กลุ่มๆละ 1 ล้านบาท เช่น
5.1 Smart SMEs
5.2 Smart Farmer
5.3 Start Up
5.4 Makers
5.5 ร้านค้าปลีกชุมชน
ลองช่วยกันตรวขสอบดูเองเพียง 5 กลุ่มที่น่าจะทำได้ก่อนเพียงแต่ว่ารัฐบาลจะเอาเงินจากแหล่งใดมาบริหารและพัฒนาได้จุดนี้ คิดว่าคงใช้เงินไม่มากนัก พอที่จะเอาเงินงบประมาณมาสนับสนุนได้ คงต้องรอดู พ.ร.บ.งบประมาณว่าจะเอาเรื่องเหล่านี้บรรจุไว้หรือไม่
ศึกใหญ่ของรัฐบาลคือการเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ตั้งสมมติฐานไว้ 3.22 ล้านบาท แบบงบขาดดุล ซึ่งรายได้ของรัฐตั้งเป้าไว้ 2.73 ล้านบาท คงต้องรอดูว่างบประมาณผ่านหรือไม่ ถ้าผ่านจะทำโครงการเร่งด่วน 1 ปี ได้สำเร็จเพียงใด