เมื่อขบวนขันหมากจาก "บิ๊กพลังประชารัฐ" พากันยกไปสู่ขอ "52 เสียง" ของพรรคประชาธิปัตย์ถึงที่ พลันบรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ก็อบอวลไปด้วยความชื่นมื่น ทั้ง "อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค ได้หอบหิ้วแกนนำจากกลุ่มสามมิตร ไปร่วมในพิธีสู่ขอเพื่อสยบข่าวลือว่า กลุ่มสามมิตร ของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" และ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ไม่ค่อยพออกพอใจนักกับการที่ "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ คว้าเก้าอี้ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ไปครอง เพราะไหนๆก็จะลงเรือลำเดียวกันแล้ว สิ่งไหนที่เป็นประเด็นกินแหนงแคลงใจ ระหว่างแกนนำพรรคแนวร่วม ก็ต้องขจัดออกไปโดยเร็ว! แต่ที่น่าสนใจ คือฝ่ายที่ออกมาต้อนรับขับสู้ ขบวนขันหมากจากพรรคพลังประชารัฐ กลับไม่มีแกนนำจากกลุ่มของ นายหัวชวน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงจะเห็นการปรากฎตัวของ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรค จากขั้วนายหัวชวน และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตหัวหน้าพรรค ที่เคยประกาศ ไม่สนับสนุน "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาร่วมในพิธี และการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นยังไม่ได้มีขึ้นเพียงแค่เห็น ขบวนของแกนนำพลังประชารัฐ มาเยือนพรรคเท่านั้น หากแต่เฉลิมชัย เลขาฯพรรคประชาธิปัตย์ รั้งให้รอ "มติ" จากที่ประชุมกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคในวันนี้ (28 พ.ค.) จะด้วยเพราะ "คณิตศาสตร์การเมือง" การแบ่งโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี ยังไม่ลงตัว หรือเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ยังประเมินว่ามี "ราคาที่ต้องจ่าย" หากตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ หรือไม่ก็ตาม แต่เกมที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ดูจะเป็นการตอกย้ำ ว่าพรรคพลังประชารัฐ กำลังเผชิญหน้ากับ "แรงกดดัน" กันตั้งแต่ต้นทาง ! ถึงกระนั้นหากมองอีกทางหนึ่ง ขณะที่พรรคแนวร่วมของคสช. กำลังเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เพื่อเตรียมตั้งรัฐบาลอยู่นั้น ปรากฎว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ต่างผนึกกำลังกดดันและเรียกร้องให้ พรรคประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ทำในสิ่งที่ได้เคยพูดเอาไว้ นั่นคือการไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ " ประชาชนที่เลือก 2 พรรคนี้ เขาจับตาดูอยู่ว่าทั้ง 2 พรรคจะตัดสินใจอย่างไรเมื่อมีอำนาจ ทางเราเองยังเปิดประตูอยู่ และจะพยายามให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตามตนยังเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ซึ่งเราพูดคุยได้อยู่แล้ว แต่จะตัดสินใจอย่างไร จึงฝากไปยังประชาชนที่รักความเป็นธรรมมาร่วมกันเรียกร้อง ให้ทั้ง 2 พรรค ทำสิ่งที่ตนเองเสนอ ลดทิฐิ ลง แล้วมองอนาคตของประเทศชาติเป็นหลัก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกแรงกระทุ้งไปยัง2พรรค ที่ยังไม่มีมติชัดเจนว่าจะร่วมรัฐบาล ด้วยหวังว่าจะเกิด "เซอร์ไพรซ์" ในนาทีสุดท้าย แรงกดดันและเสียงเรียกร้องจากพรรคตรงข้ามคสช. จะมีอานุภาพมากมายเพียงใด หรือที่สุดแล้วจะกลายเป็น "เงื่อนไข" ที่ประชาธิปัตย์จะหยิบฉวยมาใช้ ต่อรองกับพลังประชารัฐ จนถึงนาทีสุดท้ายหรือไม่ โปรดอย่ากระพริบตา !