เหตุวุ่นวายที่พากัน "จับคู่ชก" ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็น "มวยรุ่นใหญ่" อย่าง "นายหัวชวน" ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กับ "อดีตแคนดิเดต"ผู้ท้าชิงเก้าอี้หน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" ที่ดุเดือดเข้มข้น ทำเอาที่ประชุมส.ส.ครั้งล่าสุด จะเดินไปถึงขั้นที่ทำให้ "พรรคแตก" โดยที่ยังไม่ทันได้มีคำตอบว่า "ประชาธิปัตย์" จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ก็ตามที สำหรับคอการเมือง ที่ติดตามความเป็นไปของพรรคประชาธิปัตย์มาหลายทศวรรษคงต้องบอกว่านี่คือ "ความปกติ" แม้ในสายตาของ "คนนอก" อาจจะมองว่า "ไม่ปกติ" เพราะใช่ว่าที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเผชิญกับศึกเหนือ เสือใต้ หรือแม้แต่ "ศึกใน" ระหว่าง "คนกันเอง" ชนิดหนักหนาสาหัสก็ผ่านมาแล้วในอดีต ! แต่สุดท้าย ประชาธิปัตย์ก็ยังเป็นประชาธิปัตย์ เมื่อศึกสงบ ก็เดินหน้ากันต่อไป ส่วนขั้วไหนที่พ่ายแพ้เกม จะเลือกตัดสินใจ "บ่ายหน้า" ออกจากพรรคก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปได้ทั้งสิ้น ทว่าย่อมไม่ได้หมายความว่า ประชาธิปัตย์จะถึงคราว "ปิดฉาก" ก็คงไม่ถึงขั้นที่ว่า `! อย่างไรก็ดีน่าสนใจว่า การออกโรงของ "นายหัวชวน" ทั้งบู๊กันซึ่งหน้าในที่ประชุมพรรค ไปจนถึงการที่เจ้าตัวออกมาระบุเองว่า "ยกหู" หา "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยตัวเอง เพื่อสอบถามเรื่อง "เงินทุนทุนรอน" จากคนนอกที่ผ่านเข้ามาที่กทม.ว่าจริงเท็จเป็นเช่นใด บทบาทที่นายหัวชวน ดำเนินอยู่ในยามนี้ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของ "บารมี" ที่มีเหนือพรรคประชาธิปัตย์เพราะไปสั่งใคร หรือช่วยเหลือใครก็ยังทำไม่ได้นั้น ปัญหาต่างๆเหล่านี้ทั้งหลายทั้งปวง เพราะส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า บนทางที่ประชาธิปัตย์ต้องตัดสินใจนั้น ไม่ได้ "มีผล" เฉพาะตัวพรรคเอง หากแต่ยังเป็นการชี้ชะตาของ "พรรคพลังประชารัฐ" ในการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งด้วยว่า จะสามารถมีชัยเหนือพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ แน่นอนว่าอาการแข็งกร้าวของนายหัวชวน ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ต้องการปรามคนในพรรคเท่านั้น หากแต่ยัง "พุ่งเป้า" ไปยัง "คนนอก" ที่ไม่ใช่เฉพาะ "บิ๊กคสช." หรือแกนนำพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากแต่เป็นที่รับรู้กันว่า "กลุ่มกปปส." ของสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่วันนี้แม้จะแปรเปลี่ยนไปสู่การทำพรรครวมพลังประชาชาติไทยแล้วก็ตาม แต่เป้าหมายการยึดพรรคประชาธิปัตย์ โดยผ่าน "กลุ่มถาวร เสนเนียม" นั้นยังมีอยู่ อีกทั้งการที่นายหัวชวน จงในออกมาให้ข่าวว่าได้ยกหูไปยังผู้ว่าฯกทม. ด้วยตัวเองนั้นยังต้องการ "ส่งสัญญาณ" กระแทกไปถึงสุเทพอย่างตั้งใจ เพราะผู้ว่าฯกทม.มีความแนบแน่นกับกลุ่มกปปส.ไม่น้อย วันนี้ไม่ว่าประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายหัวชวน จะยอมรับหรือไม่ว่าตนเองคือผู้มีบารมีในพรรคตามที่ถูกพาดพิงถึง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชวน ขยับ หลายคนทั้งคนในไปจนถึงคนนอกก็เริ่ม "หวาด" กันถ้วนหน้า !