ดูเหมือนว่า “เกม” ได้ถูกกำหนดเอาไว้บนกระดานเรียบร้อยแล้ว เมื่อภายหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีสำคัญยิ่งของคนไทยทั้งประเทศ “การเมือง” จะรุดหน้า เดินต่อไปในทิศทางที่ได้ขีดเอาไว้แล้ว ว่าที่สุดแล้ว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะรีเทิร์น กลับมาอยู่ในอำนาจรัฐบาล ดั่งเดิม ! การเคลื่อนขยับในห้วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีความเคลื่อนไหวในหลายส่วนพร้อมๆกัน โดยเฉพาะในขั้วการเมืองที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ “ 15 รัฐมนตรี”ได้ยื่นใบลาออกเพื่อเตรียม เข้าไปนั่งเป็น “สมาชิกวุฒิสภา” โดยการลาออกนั้นจะต้องมีผลภายในวันที่ 9 พ.ค.นี้ จากนั้น คาดว่าจะมีการนำรายชื่อสว.ทั้ง 250 คนขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ขณะที่ทางด้าน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เองมีการส่งสัญญาณแรงชัดว่าจะมีสมาชิกสนช.ถึง 60 คนที่จะได้ร่วมขบวนรถไฟสายแห่งอำนาจ สายใหม่ ทำหน้าที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ให้กลับมา รอบใหม่ ในวันเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง จำนวนทั้งสิ้น 349 ราย และจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการทูลเกล้าฯเพื่อขอเปิดประชุมรัฐสภา เมื่อได้ส.ส.ครบตามกฎหมายกำหนด คือ95 เปอร์เซนต์ จำนวน475 ส.ส. หมายความว่าแท้จริงแล้ว ขุมข่ายกำลังของคสช. ที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำสายครม. ก็ได้ “15 รัฐมนตรี” ทิ้งเก้าอี้เสนาบดี มาเป็นสว. เพื่อรอทำหน้าที่ยกมือโหวต เลือกนายกฯคนที่ 30 ในรัฐสภา แม่น้ำสายสนช.เองก็ใช้วิธีการเปลี่ยนเก้าอี้เล่น ย้ายจาก สนช. ย้ายที่ทำงานจาก “รัฐสภาเก่า” ไปเตรียมแต่งตัวเป็น สว. ย้ายไปทำงานที่ “รัฐสภาใหม่” ย่านถนนเกียกกาย เช่นเดียวกับการที่ “บิ๊กทหาร” เองที่ได้เข้าไปนั่งเป็นสว.โดยอัตโนมัติ รวมทั้งสิ้น 6 ราย ตามกรอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดเอาไว้ ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ “คนแปลกหน้า” แต่อย่างใด ส่วน พรรคพลังประชารัฐ เองบัดนี้ได้เตรียมแต่งตัวรอ เข้าไปนั่งในฝ่ายบริหารกันด้วยใจจดจ่อ ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า “พรรคแนวร่วมพันธมิตร” ที่ผนึกกำลังกันอยู่เดิมตั้งแต่ก่อนลงสนามเลือกตั้ง จนถึงวันนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงเหนียวแน่น เกาะกันเพื่อร่วมรถไฟ ครม. “บิ๊กตู่ 2” เช่นเดิม สถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็วเช่นนี้ อาจสะท้อนได้หลายมิติ ว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ รวมทั้งยังต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้ คสช. และรัฐบาล ต้องอยู่ในท่ามกลางกระแสข่าวลือที่สะพัดมาเป็นระลอก ว่าพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่ได้เป็น นายกฯ เพราะมี “แคนดิเดต” ผุดขึ้นมาด้วยกันถึง 2-3 ชื่อ น่าสนใจว่าการกลับมาของพล.อ.ประยุทธ์ และคสช.รอบนี้ อาจจะมีบางเรื่อง บางประเด็น ที่บางคน บางกลุ่มอาจอยู่ในสภาพ “ ไม่สมหวังทั้งหมด” เพราะอย่างน้อยที่สุดก็คือการที่ไม่ปรากฎรายชื่อคนในครอบครัว “วงษ์สุวรรณ” ของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดขบวนรายชื่อ สว. นัยว่าเพื่อต้องการ “ ลดแรงกดดัน” ของตัวบิ๊กป้อมเอง ไปพร้อมๆกับการปรับภาพลักษณ์ ให้กับ “บิ๊กตู่ 2” ยังไง ยังงั้น !