ท่าทีแข็งกร้าว ไม่ยอมจำนน ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต่อภายหลังเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด อาจเข้าลักษณะขาดคุณสมบัติในการลงสมัครส.ส. ต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 30เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดจากความหวาดกลัว หวั่นไหวของธนาธร เองหรือจะเป็นเพราะ “อารมณ์เสีย” ที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุด นี่คือการแสดงให้ “กองเชียร์” ได้เห็นว่าวันนี้ คนชื่อ ธนาธร ยังปักหลักสู้
แม้ในด้านหนึ่งจะถูกมองว่า นี่คืออาการ ฟาดงวงฟาดงา ของธนาธร เองที่ขาข้างหนึ่งกำลังติดพันอยู่กับตดีความอันจะส่งผลต่อทั้ง “ตัวเอง” ไปจนถึงขั้น “ยุบพรรค” โดยที่ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปสัมผัสกลิ่นไอของรัฐสภา เสียด้วยซ้ำ !
เพราะไม่เพียงแต่ ธนาธร จะประกาศกร้าวว่า หากความอดทนของเขาเอง “ถึงที่สุด” เมื่อใด การฟ้องร้องทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะมีขึ้นตามมาแน่นอน ด้วยเชื่อว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีการ “ตั้งธง”เอาไว้หมดแล้วตั้งแต่แรก
อีกทั้งครั้งนี้ ธนาธร ยังจงใจ “กระแทก”ไปถึง “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือคสช.
“ ถ้าใครพิจารณาคดีความของผมแล้วทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ แต่ตนเป็นคนใจเย็น จะรอจนคสช.หมดอำนาจ เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี
คสช.อยู่ในช่วงขาลงไม่มีทางครองอำนาจต่อไปเรื่อยๆ ก็จะรอให้คสช.หมดอำนาจแล้วดำเนินดคีกับคนที่ตัดสินผมโดยไม่ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วฟ้องกลับ” (30 เม.ย.2562)
นอกจากนี้การไปปรากฎตัวของธนาธร เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาต่อกกต.ที่ผ่านมาล่าสุด ยังพบว่าในอีกด้านหนึ่งยังเป็นการ “เปิดทาง” ให้บรรดากองเชียร์ มิตรรักแฟนคลับของพรรคอนาคตใหม่ ได้ไปให้กำลังใจธนาธร กันถึงที่แล้ว ยังดูไม่ต่างไปจากการส่งสัญญาณ ให้รัฐบาลและคสช.ได้รับรู้ว่า
วันนี้ ธนาธร ไม่ได้ต่อสู้อย่างเดียวดาย แต่มี “กองเชียร์”ที่พร้อมจะออกมาสนับสนุน หากที่สุดแล้วที่ประชุมกกต.มีมติ ให้ “ใบส้ม” แก่ธนาธร เป็นคำตอบสุดท้าย
การจงใจปลุกความเคลื่อนไหวนอกสภาฯ ให้ย้ายไปสู่ “ท้องถนน” โดยหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดูเหมือนว่าตัวเขาเอง เชื่อและมั่นใจว่าจะได้รับการขานรับ ได้แรงหนุนจาก “กลุ่มการเมือง” ที่เป็น “แนวร่วมเครือข่าย” อยู่ไม่น้อย
เพราะต้องไม่ลืมว่าขณะที่พรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนขยับเดินสายชี้แจงข้อกล่าวหาว่าด้วยการถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อ อย่างเคร่งเครียดนั้น บรรดา “แกนนำกลุ่มการเมืองภาคประชาชน” ต่างดาหน้ากันออกมาส่งเสียงเชียร์ ไปพร้อมๆกับกดดัน โจมตีไปยังกกต. โยงใยไปถึงคสช.
และที่สำคัญไปกว่านั้น ลึกๆแล้วพรรคอนาคตใหม่ จำนวนไม่น้อยยังเชื่อว่า โอกาสที่จะ “ปลุกม็อบ” ได้สำเร็จ เปิดเกมโค่นคสช. บนท้องถนนได้นั้นเพราะมีแรงหนุนจาก “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” หรือนปช. บางส่วนที่ผันตัวไป “ออกแรง” ช่วยพรรคอนาคตใหม่มาตั้งแต่แรก ก่อนเลือกตั้งแล้วด้วยซ้ำ
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งคะแนนกว่า 8 ล้านเสียงที่พรรคได้รับจากการเลือกตั้งรอบนี้ หรือการเคลื่อนไหวที่ได้รับแรงหนุน “ภาคสนาม” ล้วนแล้วแต่เป็น แรงหนุนที่มาจากนปช.ตลอดจนกระแสจากผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบพรรค ไปก่อนวันเลือกตั้ง
แต่น่าสนใจว่า งานนี้คสช. กลับไมได้หวั่นไหวหรือกังวล เพราะคสช.เองก็เชื่อว่า “ม็อบ” ไม่มีทาง “จุดติด” ส่วนบทบาทที่ธนาธร กำลังแสดงอยู่ในเวลานี้ ก็เป็นเรื่องของไฟท์บังคับที่เขาเองต้องเดินหน้าเล่นต่อไป ให้ถึงที่สุดของเกมบนกระดาน เท่านั้น !