ไม่ว่าใครจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่อย่างไร พรรคการเมืองที่จะเข้ามากุมบังเหียนการบริหารประเทศ ย่อมต้องรักษา “สัจจะ” ที่ได้ให้ไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา แข่งขันดุเดือดที่สุดเพื่อช่วงชิงคะแนนนิยมจากประชาชน คือนโยบายเกี่ยวกับค่าแรงและสวัสดิการต่างๆ
แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อระบบงบประมาณ และภาพรวมเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ อาจมีหลายโครงการที่หากดันทุรังทำไป ส่งผล
กระทบในเชิงลบมากกว่า บวก
กระนั้น เมื่อไปย้อนดูว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรค ได้เสนอนโยบาย ที่ถือเป็น “สัญญาประชาคม” กับประชาชนไว้ มีอะไรบ้าง พบว่า พรรคพลังประชารัฐ ชงเรื่องของการขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 400 -425บาทต่อวัน จะปลดหนี้ผู้ใช้แรงงานภายใน 5 ปี ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปีไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ผู้มีรายได้ 200,000 บาทต่อปีขึ้นไป จะได้รับอัตราการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ในทุกขั้นบันได ยกเว้นภาษีเด็กจบใหม่ 5 ปี และยกเว้นภาษีแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ 2 ปี
พรรคประชาธิปัตย์ วางเรื่องของการประกันรายได้แรงงานเอาไว้ ปีละ 120,000 บาทเอาไว้ พร้อมขยายสิทธิและสวัสดิการของแรงงานนอกระบบ ขณที่แรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานแรงงานไทย ส่งเสริมสิทธิการรวมตัวของลูกจ้าง พัฒนาและฝึกอบรมแรงงานทุกระดับให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรี สนับสนุนถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากต่างชาติ เพิ่มจำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กําหนดสิทธิลาคลอดแก่มารดาเป็นอย่างน้อย 6 เดือน บิดาหยุดได้ 1 เดือน โดยได้รับเงินชดเชยค่าจ้างจากความร่วมมือระหว่างนายจ้างและสำนักงานประกันสังคม
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ หากได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มสิทธิลาคลอด 180 วัน หรือ 6 เดือนเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ ขยายสิทธิประกันสังคมให้ถึงแรงงานนอกระบบ กำหนดให้ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพิ่มค่าล่วงเวลาจากค่าแรงปกติเป็น 2 เท่า ขยายสิทธิพักร้อน โดยได้ค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอัตโนมัติตามอัตราเงินเฟ้อ สนับสนุนจัดตั้งสภาสวัสดิการและแรงงาน ผลิตทนายความเพื่อทำคดีความให้ผู้ใช้แรงงานฟรี ผลักดัน พ.ร.บ.ขึ้นค่าจ้างตามอายุงาน และผลักดันให้แรงงานในสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ได้จากเขตที่ทำงาน
ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็นเจ้าแห่งนโยบาย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เสนอปรับเงินเดือนปริญญาตรี แต่ไม่ได้กำหนดเพดานเอาไว้ รวมทั้งชงเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแต่ไม่ได้ระบุจำนวนที่ชัดเจนเช่นกัน นโยบายทำงานใกล้บ้าน อยู่บ้านใกล้ที่ทำงาน เปิดศูนย์สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ส่งเสริมพัฒนาทักษะอาชีพแรงงาน เสริมสร้างระบบประกันการว่างงาน กองทุนสำหรับคนเปลี่ยนงาน ลดภาษีเพิ่มรายได้ประชาชน แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำมาหากิน
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคาดหวังว่าการดำเนินนโยบายต่างๆ หากได้ดำเนินการแล้วจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน และยั่งยืนในอนาคต