ปมเรื่องการคำนวนสูตรส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ กลายเป็นประเด็นในการต่อสู้ทางการเมือง หลังจากที่ยังรอผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอยู่ ซึ่งจำนวนของส.ส.ที่จะเพิ่มขึ้นมาแม้เพียง 1 เสียง ก็อาจมีผลต่อความได้เปรียบในการช่วงชิงกันจัดตั้งรัฐบาลของสองขั้วการเมือง ไม่แปลกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ตกอยู่ในฐานะ "ตำบลกระสุนตก" รับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และกระแสโจมตีต่างๆ ในภาวะที่การแข่งขันทางการเมืองรุนแรง ฝ่ายการเมืองพยายามชี้นำสูตรคำนวณที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน ให้ประชาชนหลงเชื่อ กกต.จึงต้องอธิบายในประเด็นต่างๆอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม มีคำอธิบายจาก ประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และอดีต กกต. ระบุว่าหลักคิดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้มุ่งให้ทุกคะแนน ที่ประชาชนออกเสียงมีความหมายไม่ถูกทิ้งเสียเปล่า เพื่อเป็นการสะท้อนถึงสิ่งที่ประชาชนคิด และวิธีการคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตารางการคิดก็ไม่ได้เพิ่งมาคิดในขณะนี้ มีการเสนอมาตั้งแต่ในชั้นของ กกต.ชุดที่แล้ว ที่นำเสนอมาที่ กรธ.และเสนอต่อไปที่คณะกรรมาธิการร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งในชั้นของกรรมาธิการยกร่างฯ กฎหมายลูก ได้มีการนำตารางการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาพิจารณาและยกร่างเป็นกฎหมาย ดังนั้นตารางการคิดคำนวณ ส.ส.มีอยู่ที่รัฐสภา ไม่ได้เป็นความลับและสามารถขอดูได้ "ตารางการคำนวณมีอยู่หมดแล้ว ว่าการคำนวณ ส.ส.ทำอย่างไร แต่ตามมาตรา 128 เขียนว่าให้ กกต.เป็นผู้คิด หมายความว่า กกต.ก็ต้องไปดูสูตรแล้วคิดออกมาว่าจะออกมาอย่างไร" เป็นการตอกย้ำว่า มีการกำหนดวิธีการคำนวณไว้อยู่แล้ว เพียง "สูตรเดียว" เท่านั้น จะคิดเป็นอืนไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นกกต.มีหลักในการคิดคำนวณอยู่แล้ว ตามสูตรที่กำหนดเอาไว้นานแล้วไม่ใช่เพียงมาคิดขึ้นใหม่ หรือสูตรใครสูตรมัน ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจ และสื่อสารไปยังประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง ให้เข้าใจตรงกัน แม้จะเป็นเรื่องยากที่ไม่ให้ต่างฝ่ายต่างคิดเข้าข้างตนเอง แต่หากไม่ยึดในหลักการของกฎหมายอะไร มีแต่ "หลักกู" หรือทำอย่างไรก็ได้ ให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบ หากทำเช่นนั้นก็หาข้อยุติไม่ได้ เกิดความวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น ฝ่ายการเมืองเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ต้องมีหน้าที่ไปชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจด้วย อย่าได้ทำตนเป็น "ศรีธนญชัย" กับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะหากความเข้าใจผิดของประชาชน นำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวาย หรือเกิดสถานการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะเป็นตราบาปกับฝ่ายการเมืองเอง และตอกย้ำความบอบช้ำของประเทศ กระนั้น ก่อนจะข้ามไปที่จำนวนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ต้องคำนึงด้วยว่า การร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยว่าจะให้ใบแดง หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตใดบ้าง นั่นเท่ากับว่า ตัวเลขจำนวนส.ส.เขตเอง ก็ยังไม่คงที่ โฟกัสการเมืองไทย อาจต้องย้อนกลับมาดูที่จำนวนส.ส.เขตก่อนหรือไม่ ที่อาจจะทำให้สูตรจัดตั้งรัฐบาลของบางขั้วบางฝ่ายไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ก็เป็นได้