สถานการณ์ของประเทศไทยอยู่ในช่วงสุญญากาศ เมื่อการเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมายังไม่สะเด็ดน้ำ ในขณะที่ 2 ขั้วยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อมีเสียงปริ่มน้ำ แม้ฝ่ายหนึ่งจะชิงประกาศสัตยาบันกันไปก่อน แต่เสียงที่มี 240 กว่านั้นไม่ถึงกำหนดตามกฎหมายที่ให้มีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั่นคือ 250 เสียง
ทว่าสถานการณ์หลังเลือกตั้ง นอกจากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องรัฐบาลใหม่แล้ว ยังมีประเด็นที่ล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงที่จะเร่งอุณหภูมิการเมืองให้กลับมาเขม็งเกลียวอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ต้งออกสารนายกรัฐมนตรี ความว่า สถานการณ์ของประเทศไทย สถานการณ์ในบ้านเมืองเราขณะนี้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถดารงวิถีชีวิต ประกอบอาชีพ ทำมาหากินได้อย่างเป็นปกติสุข แต่ยังคงมีผู้ไม่หวังดีบางคนบางกลุ่มได้พยายามบิดเบือนข่าวสารข้อเท็จจริงในหลายๆประเด็น มีการใช้โซเชียลมีเดีย และใช้บุคคลบางกลุ่มเข้ามาปลูกฝังแนวคิดที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อมุ่งหวังให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบและบ่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ รัฐบาลและคสช.รับทราบสถานการณ์มาโดยต่อเนื่อง และได้บังคับใช้กฎหมายปกติอย่างเคร่งครัด โดยให้กระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการไป มิได้ใช้อำนาจพิเศษมาดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล ผู้ปกครองควรต้องเอาใจใส่ลูกหลานของตนและบุคคลใกล้ชิด ครูอาจารย์ควรต้องอบรมบ่มนิสัยดูแลลูกศิษย์อย่างเข้าถึง ข้าราชการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว สิ่งสำคัญคือการรับรู้ข่าวสารจะต้องมีการพิจารณาอย่างมีเหตุมีผล ศึกษาให้ดี หากพวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกันปกป้องบ้านเมืองไม่ให้สั่นคลอนหรือกลับไปสู่ความวุ่นวายได้ ประเทศชาติจะไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ถัดมา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กล่าวในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นงานพิธีวันสถาปนา พล.ร.1รอ. ครบรอบ 112 ปี ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ( พล.1 รอ.) ตอนหนึ่ง มีใจความว่า นิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการหลายคน ได้ทุนจากราชการหรือทุนในวังไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของตัวเอง ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนหรือไปเอาตำราใครมาก็ควรนำมาดูและดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประชาธิปไตย อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัดที่ไปเรียนมาแล้วดัดจริต ประเทศอื่นไม่มีแบบนี้ นี่คือเมืองสยามที่เป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบไทย ๆ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือขอให้คนไทยรักกัน และหันหน้าเข้าหากัน จะเป็นฝ่ายใดก็คือคนไทย เมื่อกรีดเลือดออกมาก็คือคนไทยที่มีเลือดบรรพบุรุษปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอให้หยุดวาทกรรมต่าง ๆ ใครไม่ดีก็ปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ต้องพิสูจน์ด้วยงานและฝีมือ ถ้าหากตนทำไม่ดีก็จะถูกย้ายไป ทุกคนต้องให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน เมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการ มวยชกกันแพ้ก็มาโทษกรรมการ ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่มีวันจบ โดยเฉพาะวัฏจักรแห่งการล้างแค้นและความไม่พึงพอใจไม่มีวันจบ
จากสารของนายกฯ ถึงถ้อยแถลงของผบ.ทบ.สะท้อนสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในห้วงเวลาเช่นนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่เห็นด้วย ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะเติมเชื้อไฟ ปลุกผีความขัดแย้งให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองขึ้นมาใหม่ วันนี้ประเทศไทยเราเสียเวลาไปกับความขัดแย้งทางการเมืองมามากพอแล้ว