เป็นประจำทุกปีที่ใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว หน่วยงานต่างๆและภาคประชาสังคม จะบูรณาการการทำงนร่วมกัน และออกมารณรงค์ให้ประชาชนตระหนักในเรื่องอุบัติเหตุและอุบัติภัยต่างๆ เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หรือถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะที่สถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนน ที่ทุกฝ่ายพยายามที่จะป้องกันและลดปัญหา ไม่ให้กลายเป็นเทศกาลนับศพ แต่ยังมีตัวเลขสถิติที่ไม่น่าพอใจนัก โดยอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วัน คือระหว่างวันที่ 11 เมษยน-17เมษายน 2561 พบว่า เกิดอุบัติเหตุรม 3,724 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 418 ราย บาดเจ็บ 3,897 ราย สำหรับสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และตัดหน้ากระชั้นชิด ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รองลงมาคือ รถปิกอัพ ทั้งนี้ย้อนไปดูสถิติปี 2560 ที่เกิดอุบัติเหตุ 3,690 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 390 รายนั้น จะเห็นว่าเมื่อปีที่แล้วมีอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจะ เห็นว่า เรื่องการขับรถเร็วเกินกำหนด และการดื่มแล้วขับ ยังคงเป็นสาเหตุของปัญหาอุบัติเหตุในอันดับต้นๆ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนในช่วงสงกรานต์เอาไว้น่าสนใจว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนบูรณาการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562 โดยใช้มาตรการลงโทษผู้ขับรถที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งทรัพย์สินของประชาชนและอื่น ๆ ที่ผ่านมาว่าด้วยประมาทอย่างเดียว ใช้วิธีเจรจาชดใช้ค่าเสียหายแล้วก็จบ จากนี้ไม่ได้ ต้องมุ่งไปสู่การพิจารณาลงโทษคดีอาญาด้วย ซึ่งมีกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่กฎหมายใหม่ จะว่าไปรังแกประชาชนอีก  ขอให้กฎหมายทุกอันได้รับความร่วมมือ อย่าดื่มเหล้าเมื่อขับรถ ดังนั้นขับรถแล้วดื่มเหล้าชนคนตายต้องติดคุก เพราะกฎหมายเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ทำก็ละเว้น ก็ขอให้ทุกคนระมัดระวังใช้รถใช้ถนน หากใช้ความเร็วที่มากเกินไปและมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นจะต้องลงโทษคดีอาญาและคดีแพ่ง ไม่อย่างนั้นก็หลุดกันหมด รัฐบาลเอาจริงเอาจังแบบนี้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ โดยที่ไม่ใช่กฎหมายใหม่ ขอเตือนผู้ที่ขับรถด้วยความคึกคะนอง คนที่ชอบดื่มเหล้าเวลาขับรถ แม้กระทั่งคนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ต้องถูกพิจารณาด้วยที่ไม่ห้ามปราม ผู้ที่ขับรถโดยสารและรถแท็กซี่ต้องไม่ขับรถด้วยความประมาท ทำให้เกิดความสูญเสียกับผู้อื่น สงสารเขาบ้างก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลอยากจะย้ำเตือนในช่วงใกล้วันสงกรานต์หรือแม้แต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์Ž นั่นหมายความว่า จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ขับขี่ที่หากคึกคะนอง เมาแล้วขับชนคนตายก็จะต้องติดคุก ถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง-อาญา ส่วนผู้ที่นั่งไปด้วยแต่ไม่ห้ามปรามก็ถูกพิจารณาโทษด้วย เราเห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง หรือใช้ ยาแรงŽ ตามตัวบทกฎหมายที่มีอยู่แล้ว นั้น ไม่ได้เป็นการรังแกประชาชน หากแต่เป็นการคุ้มครองและรักษาชีวิตของประชาชนทั้งผู้ขับขี่และไม่ให้ผู้อื่นต้องตกเป็นเหยื่อจากความคุกคะนองและความประมาท เชื่อว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดี หากแต่ทุกฝ่ายที่บูรณาการการแก้ไขปัญหาต้องสื่อสารให้ประชาชนตระหนักในเรื่องนี้