ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
ข่าวการช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลกำลังเข้มข้นเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ถึงอย่างไรคงหนีไม่พ้นมือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่มีจำนวน ส.ส. กับ สว. อยู่ในมือในฐานะความได้เปรียบ แต่ช่วงตั้งรัฐบาลคะแนนเสียงก้ำกึ่งกันไม่ถึงครึ่ง เสถียรภาพของรัฐบาลไม่สู้จะดี
คงต้องอยู่ที่ฝีมือของฝั่งรัฐบาลจะสามารถดึง ส.ส. พรรคอื่นๆที่คิดจะร่วมกับอีกฝั่งมาเป็นพวกให้ได้มากที่สุด คงต้องจับตาดูว่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด ถึงอย่างไรฝั่งรัฐบาลคงต้องตั้งให้ได้เพื่อให้พลเอกประยุทธ เป็นผู้นำประเทศอีกสมัย
รัฐบาลยังมีบิ๊กโปรเจกต์อีก 6 แสนล้าน ของกระทรวงคมนาคม ก่อสร้างโลจิสติกส์ทั้ง มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง คือ นครปฐม-ชะอำ และหาดใหญ่ ไปชายแดนไทย/มาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก และรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทาง ส่วนรถไฟมีสายสีแดงเข้มและสายสีแดงอ่อนอีก 4 ช่วง รวมแล้วมูลค่ามากกว่า 6 แสนล้าน ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์การคมนาคมและขนส่งทั้งนั้น
ส่วน EEC รัฐบาลวางรากฐานไว้แล้ว ต้องเร่งดำเนินการ 5 ภาระกิจหลักต่อไป ล้วนแล้วแต่เป็นงานหลักๆของประเทศต้องก้าวเดินไปข้างหน้า คนที่เข้าใจงานและจะสามารถเดินหน้าต่อได้ คงต้องเป็นนายกประยุทธ ที่จะต่อยอดให้เกิดความสำเร็จ
สำหรับประเด็นการพัฒนาคนระดับฐานราก เป็นงานที่ต้องร่วมกันคิดทำในรูปแบบของรัฐสวัสดิการ ให้ชาวฐานรากพออยู่ได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่จะต้องดูในรายละเอียดแต่ละเรื่องว่าจะทำกันอย่างไร
สดับตรับฟังจากภาคอุตสาหกรรม บริการ และนักวิชาการ ต่างมีความเห็นตรงกัน เช่น ประธานสภาอุตสาหกรรม ระบุว่าถ้าพลเอกประยุทธเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่สะดุด เศรษฐกิจ จะเติบโตอย่างน้อย 4% ขึ้นไป การบริหารประเทศจะไม่หยุดชะงัก
ส่วนเจ้าสัวของสหพัฒน์ฯ ให้ความเห็นว่าถ้าได้นายกรัฐมนตรีคนเดิมมาบริหารต่อยอดจะสามารถสร้างเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลวางรากฐานการพัฒนาไว้แล้ว หากทำต่อยอดต่อไปอีกจะสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ หากได้นายกรัฐมนตรีคนอื่น การลงทุนจะชะงัก เศรษฐกิจโตแบบไม่ต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นจะลดลง
สำหรับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ให้ความเห็นว่า แม้ว่าจะได้รัฐบาลเสียงที่ใกล้เคียงกันจะไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะโต 4-4.5% แต่ถ้าได้พลเอกประยุทธมาทำต่อจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้คงเส้นคงวามากกว่าและเพมาะสมที่สุดในยุคนี้
อย่างไรก็ดี คงต้องรอประกาศผลเป็นทางการ 9 พ.ค.62 ก่อน ช่วงนี้เป็นช่วงข่าวการจัดขั้วกันให้ประชาชนรับรู้ และดึงเอาพรรคร่วมมาเก็บไว้ก่อน เชื่อว่าอย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีมีชื่อพลเอกประยุทธ จันทร์โอชาแน่นอน
ฟังเสียงจากประชาชนแล้ว ยังมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคงหนีไม่พ้นพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่มีความเหมาะสมที่สุดในภาวะการณ์เช่นนี้ หวังว่าการรวมตัวของพรรคการเมืองจะสามารถนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้เพราะต่างขั้วได้รับประชาธิปไตยจากคนไทยมาเท่าเทียมกัน