ในห้วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา เครื่องมือสื่อสารทางการเมืองที่สำคัญคือ ช่องทางในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยมันได้สำแดงแล้วว่า หากนักการเมือง หรือพรรคการเมืองที่ใช้เครื่องมือนี้ให้เป็นประโยชน์ และมีประสิทธิภาพ ก็สามารถสร้างกระแสความนิยมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผลงานในอดีตให้ปรากฎเลยด้วยซ้ำ ส่วนในความเป็นจริงนั้น จะสามารถทำได้อย่างที่สื่อสารออกไปหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าไม่ได้หลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ ทั้งนั้น เรื่องการเมือง และเรื่องศาสนา ยังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในการสื่อสาร ปัจจุบันในไลน์กลุ่มหลายกลุ่มก็มีข้อห้าม ว่าห้ามคุยเรื่องการเมือง และเรื่องศาสนา เพราะหากเพื่อนในกลุ่มเห็นไม่ตรงกันจะเกิดปัญหาความขัดแย้งกันภายในกลุ่มได้ แต่กระนั้น ในการโพสต์ข้อความที่เป็นสาธารณะ ก็ไม่อาจที่จะห้ามการแสดงความคิดเห็น หรือ วิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะได้ และอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกันได้ง่ายขึ้น จากเรื่องเล็ก อาจบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ โดยที่ผ่านมามีให้เห็นเป็นข่าวอยู่ว่า ความขัดแย้งในโลกโซเชียลนำมาสู่การนัดพบกันเพื่อตัดสินกันด้วยกำลัง บางข่าว เพียงแค่กดสัญลักษณ์ผิด ก็ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของข้อความไม่พอใจ ก็เคยมีเรื่องบุกไปทำร้ายร่างกายถึงบ้าน แต่เจอเจ้าของบ้านตอบโต้จนได้แผลกลับมาก็มี อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการเมืองไทยในห้วงที่ผ่านมาทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ประชาชนมีความสนใจและตื่นตัวทางการเมืองสูง ร่วมลุ้นผลการนับคะแนนเลือกตั้งกันจนดึกดื่นเที่ยงคืน แต่การเมืองก็เหมือนฟุตบอลลูกกลมๆ ทีไม่มีอะไรแน่นอน อาจมีการเปลี่ยนแปลงและพลิกผันได้ตลอดเวลา เรื่องของบางพรรคการเมืองที่เป็นศัตรูกัน ประกาศไม่ยืนเคียงข้างกัน วันหนึ่งก็สามารถจับมือนั่งร่วมโต๊ะเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกันได้ ก่อนการเลือกตั้ง ตั้งเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลเอาไว้อย่างหนึ่ง ว่าจะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ แต่เมื่อทราบผลคะแนนเลือกตั้งแล้ว ก็อาจจะปรับลดเงื่อนไข หรือเปลี่ยนแปลงไปให้เพิ่มมากขึ้น หรือลดลง สิ่งที่เป็นอมตะของการเมืองก็คือ ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ฉะนั้น ไม่ว่าใครจะไปใครจะมา ใครจะจับมือกับใคร เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนก็ยังต้องพึ่งตาตนเอง ฉะนั้นอย่าเอาใจไปผูก หรือยึดติดให้มาก ต้องวางใจให้เป็น เพราะอะไรๆ มันก็เกิดได้ทั้งนั้นสำหรับการเมืองไทย "ยึดมั่นถือมั่นมันทุกข์แน่ ทุกข์แน่แท้เพราะยึดมั่นสำคัญหมาย หากไม่ยึดไม่ห่วงบ่วงย่อมคลาย อยากสบายจงปล่อยวางอย่างรู้ทัน" (ว.วชิรเมธี)