วันอาทิตย์ที่ผ่านมาประเทศไทยก้าวผ่านประตูประชาธิปไตยมาแล้ว ด้วยกติกาการเลือกตั้ง ไม่ว่าใครจะบอกว่าเป็นประชาธิปไตยเพียงพิธีกรรม ในขณะที่สภาพการณ์ต่อจากนี้ จะเป็นประชาธิปไตยเพียงรูปแบบ ประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือประชาธิปไตยไทยนิยมก็สุดแท้แต่
กระนั้น การเลือกตั้ง ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนจากความตื่นตัวและกระตือรือร้นไปลงคะแนนเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ และไม่เพียงภายในประเทศที่ให้ความสำคัญ ต่างประเทศก็ยังให้ความสนใจ และเกาะติดการเลือกตั้งของไทยเป็นอย่างมาก
แต่เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็เป็นอันจบ ประชาชนหมดหน้าที่แล้ว เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องตระหนักต่อไปก็คือ อำนาจอธิปไตยในมือเรานั้น ได้ย้ายถ่ายโอนไปให้กับนักการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่พวกเราต้องคอยติดตามดูว่าพวกเขาเอาอำนาจของเราไปทำอะไรบ้าง
ฝ่ายบริหารไปจัดตั้งรัฐบาลกันเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ยกระดับมาตรฐานคุณภาพชิวิตของประชาชนในทุกภาคส่วน หรือเพียงแค่แก้ปัญหาผลประโยชน์ภายในพรรค ต่างตอบแทนกลุ่มการเมืองต่างๆ
ฝ่ายนิติบัญญัติไปออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน หรือออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ให้ธุรกิจของครอบครัวตนเองและเครือข่าย มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ไปตรวจสอบการทำงานเพื่อถ่วงดุลฝ่ายบริหาร หรือจ้องสกัด ค้านทุกเรื่อง หรือจะซูเอี๋ยตามน้ำ
สิ่งเหล่านี้ เจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงอย่างประชาชน ต้องติดตาม
เพราะปัจจัยหนึ่งที่ประเทศไทยบอบช้ำมาตลอด ก็เพราะนักการเมืองบางกลุ่ม บางพวก แสวงหาอำนาจทางการเมือง อาศัยรูรอดประชาธิปไตยเข้ามาทำมาหากิน กอบโกยผลประโยชน์ แล้วเจียดเศษเงินผ่านโครงการต่างๆ เพื่อปิดปากประชาชน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพลังของมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์ ในการผลักดันการตรวจสอบเรื่องต่างๆ เริ่มเข้มแข็งมากขึ้น และมีพลังมากขึ้น เช่น กรณีล่าเสือดำ หากภาคประชาชนเข้มแข็งแล้วล่ะก็ ปรากฎการณ์ดังกล่าวอาจจะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ไม่อาจติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ เจ้าหน้าที่ และข้าราชการชั้นผู้น้อยต้องตกอยู่ในอันตราย หรือความไม่มั่นคงในอาชีพ
แต่เพราะมีพลังของประชาชน ที่คอยติดตาม จับตา ตรวจสอบ แม้ผลอาจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังนัก และคดีก็ยังไม่ถึงที่สุด
ทว่าผู้กระทำความผิดก็ไม่สามารถลอยนวลได้ เฉกเช่น กรณีอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง มีอิทธิพลหรือมีฐานะทางเศรษฐกิจ
เฉกเช่นเดียวกัน ไม่ว่าใครจะวางหมากกลเอาไว้ในกติกาอย่างไร แต่ไม่อาจทัดทานพลังของประชาชนได้ หากประชาชนไม่นิ่งเฉย และไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ไร้ธรรมาภิบาล
พลังแห่งการ "ไม่เฉย" และ "ไม่ทน" จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยกันทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบาน และไม่มีนักการเมืองหน้าไหนกล้าเอาประชาธิปไตยจอมปลอมมาตบตาได้อีก