เสรี พงศ์พิศ
www.phongphit.com
ผู้คนวันนี้โหยหาธรรมชาติ เพราะมนุษย์ได้ทำลายของดีมีคุณค่ามากมายไปจากดิน น้ำ ป่า ลมฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อม ทนไม่ได้ต่อไปกับอาหารการกินอยู่ที่อันตราย อยากได้อะไรที่เป็น “อินทรีย์” ซึ่งแปลว่าสิ่งที่ชีวิต มาจากชีวิตและให้ชีวิต ไม่ใช่สารพิษที่ทำลายล้างอย่างที่เป็นอยู่โหยหาอดีต คุณค่าและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ไปขุดค้นฟื้นฟูสูตรโบราณของคุณย่าคุณยายมาทำอาหาร ทำขนม ของกินของใช้ ปัจจัยสี่ เพราะอร่อยและดีด้วยฝีมือ กลายเป็นโอทอปสี่ดาวห้าดาว
นักท่องเที่ยวแบบมวลหมู่ในกระแสหลัก ถูกต้อนขึ้นลงรถทัวร์ แวะโน่นนี่นั่นตามที่ไกด์จะพาไป อยากไปสัมผัสชีวิตและวัฒนธรรมก็ได้ไปเห็นแต่การแต่งงานปลอมๆ บายศรีสู่ขวัญและพิธีกรรมอื่นๆ ที่จัดฉากให้นักท่องเที่ยวได้เห็นความแปลกใหม่พิสดารของวัฒนธรรม เห็นแต่รูปแบบภายนอก แต่ไม่ได้สัมผัสกับวิญญาณของพิธีกรรมนั้น เพราะมันเป็นแค่การแสดง
การส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการ “ขายวัฒนธรรม” เพื่อหวังผลทางเศรษฐกิจอย่างเดียวเป็นอะไรที่อาจเสียมากกว่าได้ อาจทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ ชาวบ้านแห่เทียนเข้าพรรษา ไปๆ มาๆ กลายเป็นมหกรรมการประกวดแข่งขันมีรางวัล มีการแสดง มีการโปรโมตให้นักท่องเที่ยวไปชมเหมือนดูการแสดง
ไม่ได้ไปร่วมงาน ร่วมพิธีกรรมด้วยความเชื่อและศรัทธา แห่เทียนเข้าพรรษาจึงกลายเป็นเพียงการแสดงที่ไร้ชีวิตและจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับพิธีกรรมอื่น งานออกพรรษา ผ้าป่ากฐิน จนถึงบุญประเพณีบั้งไฟ บุญประเพณีผีตาโขน ที่ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องประหลาดพิสดารอวดแขกบ้านแขกเมือง นักท่องเที่ยว แล้วยังเอาไปแสดงถึงต่างประเทศอีกด้วย เหมือนเอาปลาออกจากน้ำ แช่แข็งนำไปแสดงให้ฝรั่งชม
พิธีกรรมที่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อศรัทธา ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น กับรากเหง้าที่มาของปู่ย่าตายายที่ถ่ายทอดสืบทอดกันมา ถูกนำไปใช้เพื่อส่งเสริมรายได้และการท่องเที่ยว ไม่ได้เหลือคุณค่าทางจิตวิญญาณ มีแต่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเงินทองเท่านั้น
ความจริง ผู้คนไม่ว่าใครก็ต้องการ “ของแท้” ไม่ใช่ “ของปลอม” ของแท้ที่ไม่ได้มีแต่รูปแบบ แต่มีชีวิตและวิญญาณ ไม่เช่นนั้นวันนี้ไม่มีใครเสาะแสวงหาที่ท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ท่องเที่ยวนิเวศ ท่องเที่ยวเกษตร ท่องเที่ยวชุมชน อยากกินไก่นาปลาแม่น้ำ ผักพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง
แต่ก็มีคนที่เอาวิถีชุมชนไปขายแบบแยกส่วน จัดทัวร์ไปเที่ยวชมกะเหรี่ยงคอยาวเหมือนสัตว์ประหลาด เช่นเดียวกับเผ่าพันธุ์อย่างปิ๊กมี่ ทางภาคใต้ หรือ “ผีตองเหลือง” ทางภาคเหนือ รวมทั้งที่เอาชนเผ่า “เซมัง” ไปนั่งโชว์ในศูนย์การค้าเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวเมื่อเร็วๆ นี้ที่ถูกวิจารณ์ไปทั่วโลกออนไลน์
เมื่อคนมุ่งเน้นแต่เรื่องเศรษฐกิจรายได้ก็ย่อมมองข้ามคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน คนเหล่านี้มีตรรกะผิดๆว่า คนเป็นสัตว์ ลิงเป็นสัตว์ ฉะนั้นคนก็เป็นลิงด้วย
นอกจากสิทธิคนแล้ววันนี้ผู้คนยังให้สิทธิสัตว์ด้วย การทำร้าย การฆ่าทารุณสัตว์จึงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไปตีหมายิงหมาแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว รวมไปถึงการนำสัตว์ไปเลี้ยงไว้ในพื้นที่คับแคบในศูนย์การค้า เอาไปแสดงโชว์เป็นละครลิงละครสัตว์ กระทั่งแม้แต่สวนสัตว์เองก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ ในอนาคตอาจจะเหลือสวนสัตว์ให้ดูชมน้อยหรืออาจไม่มีเลย ปล่อยให้สัตว์อยู่ตามธรรมชาติของมัน และหาวิธีส่งเสริมไม่ให้สูญพันธ์ และ “อยู่อย่างมีความสุข” ในที่ของตนเอง อยากดูสัตว์ก็ไปดูในธรรมชาติ ในอุทยานสัตว์ ไม่งั้นก็ดูในทีวี ในมือถือ
ผู้คนวันนี้แยกได้และสัมผัสได้กับ “คุณค่า” ของจริงของเทียม ที่ใดมี “วิญญาณ” ของท้องถิ่น ของวัฒนธรรม ที่ใดไร้ชีวิต เน้นแต่เรื่องขายของเงินทองรายได้
เราถึงได้เห็นการล้มเลิกไปของตลาดน้ำจำนวนมากที่เกิดขึ้นเพียงเพื่อขายของ ขายรูปแบบตลาดน้ำ แต่ไม่มีประวัติศาสตร์ ไม่มีที่มา ไม่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ของชุมชน ไม่ได้เกิดจากการฟื้นฟูชีวิตและการสืบทอดจิตวิญญาณของชุมชน อันเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดน้ำอัมพวา สามชุก เชียงคานอยู่ได้
ศักยภาพของชุมชนในการจัดการตลาดท้องถิ่นของตนเองนั้นมี ถ้าส่งเสริมสนับสนุนอย่างเหมาะสมก็เกิดได้อย่าง “หลาดนัดใต้โหนด” ที่บ้านจันนา ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ซึ่งเกิดเพราะผู้นำชุมชนและคนในท้องถิ่นร่วมกันดำเนินการตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้
หน่วยงานราชการไม่ต้องไปจัดตั้ง ไปจัดการ ไปจัดระเบียบ เพราะยิ่งไปจัดยิ่งก็เหมือนไปจัดไม้ลงกระถางอย่างที่เกิดกับหลายๆ เรื่อง ทางที่ดีท่านไปสนับสนุนความคิดริเริ่มของชุมชน ให้โอกาสพวกเขาได้ทำเอง ไปปรับกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค มีอะไรยืดหยุ่นผ่อนผันก็ช่วยชาวบ้านบ้าง
เพราะการไปจัดตั้งจัดการ แทนที่จะไปช่วยเหลือสนับสนุนกลับไปทำลายหรือบอนไซ ไปยับยั้งเซลล์มีชีวิต จนจิตวิญญาณเสื่อมสูญไป กลายเป็นเพียงรูปแบบภายนอกที่ราชการไปปักป้ายถ่ายรูปเอาผลงานไปอวดเจ้านายเท่านั้น
ในโลกที่หมุนกลับ ตลาดท้องถิ่นอยู่ได้วันนี้ เพราะมีชีวิต มีวัฒนธรรม มีที่มาจึงมีที่ไป มีอดีตจึงมีอนาคต ทั้งหมดล้วนแต่เป็นอะไรที่ทำกันเล็กๆ แต่พิสูจน์แล้วว่า เล็กๆ ที่มีคุณค่านั้น คือธรรมชาติของชีวิตเป็นอะไรที่งดงาม Small is Beautiful