ชัชวาลล์ คงอุดม
เรียน กองบรรณาธิการ นสพ.สยามรัฐ
คอลัมน์ คุณชัช เตาปูนที่นับถือ
ช่วงนี้อ่านข่าวแล้วก็รู้สึกเศร้าใจ กับข่าวเกี่ยวกับแวดวงการศึกษาบ้านเรา และแนวโน้มทิศทางของคนตกงานจะมีมากขึ้น เป็นโจทย์ใหญ่ทีเดียวสำหรับกระทรวงศึกษาธิการบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหาแรกที่จะต้องแร่งแก้ไขปัญหากันอย่างขนานใหญ่ก็คือ เรื่องของคุณภาพทางการศึกษา เพราะล่าสุดเห็นข่าวแล้วก็น่าตกใจสำหรับผลการสอบจากโครงการวัดประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Students Assessment 2015) หรือ PISA 2015 ซึ่งจัดสอบโดย Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) หรือองค์การความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ
เพราะผลการสอบปรากฏออกมาว่า คะแนนสอบของเด็กไทยอยู่ลำดับ55 จากประเทศที่เข้าสอบทั้งหมด 72 ประเทศและกลุ่มเศรษฐกิจ โดยข้อสรุปจากการสอบวัดผลครั้งล่าสุดคือ เด็กไทยได้คะแนนสอบวิชาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และการอ่าน อยู่ในขั้นที่ไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว สำหรับประเทศไทยที่ต้องรีบเร่งแก้ไขยกเรื่องคุณภาพการศึกษาขนาดหนักทีเดียวโดยควรจะต้องกลับมาทบทวนแล้วว่า ผู้บริหารที่เป็นข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ปัจจุบันและเป็นผู้วางนโยบายด้านการศึกษามีกึ๋นและวิสัยทัศน์หรือมีขีดความสามารถเพียงพอหรือไม่
หากพบว่า ความรู้ความสามารถไม่เพียงพอ ก็ควรจะทบทวน และสมควรจะให้มีการปรับเปลี่ยนนำครูบาอาจารย์จากโรงเรียนชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเรียนการสอนให้โรงเรียนดังๆประสบความสำเร็จมาแล้ว ลองเข้ามาบริหารจัดการดูกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน โรงเรียนสวนกุหลาบฯ และอีกหลายต่อหลายโรงเรียนดังๆเข้ามาเป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์ทางด้านการเรียนการสอนเด็กไทยของเราเสียใหม่
อะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ก็จะได้มีการปรับปรุงแก้ไขได้ทุกจุด อาจจะมีการตั้งเป็นซูเปอร์บอร์ดดูแลเหมือนซูเปอร์บอร์ดเข้ามากำกับดูแลรัฐวิสาหกิจอย่างนั้นก็ได้ น่าจะลองเปลี่ยนแปลงและให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหล่านี้เข้ามาปฏิรูปการศึกษาบ้านเราดูบ้าง ก็คงไม่เสียหายอะไรดีกว่าใช้ระบบเดิมๆ มาหลายสิบปี ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสำหรับการศึกษาไทยเรา
ที่น่ากลัวอย่างมากก็คือ นอกเหนือจากคุณภาพทางการศึกษาของเด็กไทยเราจะย่ำแย่ลงแล้ว แนวโน้มอนาคตของการหางานทำของเด็กที่จบมาก็ค่อนข้างจะตีบตัน โดยเฉพาะประเทศไทยเรากำลังจะเดินเข้าสู่ไทยแลนด์4.0 ซึ่งเรื่องของดิจิตอลเข้ามามีบทบาทอย่างมาก นั่นหมายถึงแนวโน้มของการใช้แรงงานคนก็มีสิทธิจะลดลงหรือถดถอยลง
อย่างที่เป็นข่าวล่าสุดเห็นจะเป็นธนาคารซีไอเอ็มบี ซึ่งได้ประกาศเปิดทำการสาขาแห่งใหม่ในร้านสะดวกซื้อ 7-eleven สาขาย่อยสีตบุตร โดยจะเปิดทำการตั้งแต่ 10.30-19.30 น. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยกับการเข้าไปเปิดสาขาในร้านสะดวกซื้อ โดยให้บริการเปิดบัญชีบริการฝากเงิน บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศ บริการแลกเงินตราต่างประเทศ บริการสินเชื่อรายย่อยบริการบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ซึ่งใช้คนเพียงคนเดียวเซเว่น อีเลฟเว่น โดยถ้าหากดี ก็เตรียมการจะขยายอีก 30 สาขาปีหน้า การเคลื่อนไหวหรือปรับเปลี่ยนของแบงก์พาณิชย์รายนี้สะท้อนให้เห็นแนวโน้มของการทยอยลดสาขาและลดคนทำงานลงในอนาคตอันใกล้ไม่น้อยทีเดียว เพราะเชื่อว่าแบงก์พาณิชย์อื่นๆ ก็คงจะเดินตามรอยเช่นกัน เมื่อเช่นนั้นแน่นอนก็ย่อมจะมีผลต่อเด็กจบใหม่ที่จะเข้ามาสู่ภาคสถาบันการเงินมีโอกาสจะตกงานหรือหาทำงานได้ยากมากทีเดียว
ยิ่งมาได้ฟังคุณธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ได้พูดและแสดงความกังวลว่า ในปี 60 สิ่งที่ต้องติดตามคือนักศึกษาจบใหม่ที่จะมีเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นเดือน มี.ค. 60 ประมาณ 2.1 แสนคนแรงงานเหล่านี้ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า จะประสบปัญหาภาวะตกงาน โดยเฉพาะผู้ที่จบปริญญาตรีสายสังคม หากภาครัฐกำหนดนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อขับเคลื่อนประเทศหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องกำหนดแผนพัฒนาแรงงานเพื่อให้สอดรับกับความต้องการตลาด โดยเฉพาะปริญญาตรีที่ไม่ใช่สายเฉพาะทางหรือวิชาชีพ เช่น สังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ขณะที่ระดับอาชีวะที่จบสายช่างยังเป็นที่ต้องการตลาดสูงและยังขาดอยู่มาก ซึ่งกระทรวงแรงงานต้องวางแนวทางพัฒนาแรงงานให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
โดยเฉพาะอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะต้องเน้นให้การศึกษามุ่งไปสู่ไอที คอมพิวเตอร์ภาษา ช่างกล ฯลฯ รวมไปถึงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ไปในทิศทางดังกล่าวประกอบด้วย เนื่องจากต้องยอมรับว่าด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดแรงงานเองเริ่มเปลี่ยนไปตัวอย่างใกล้ตัว เช่น สื่อสารมวลชน การธนาคาร แรงงานกลุ่มนี้เริ่มเป็นอาชีพเสี่ยง
เพราะฉะนั้น เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียวสำหรับกระทรวงศึกษาธิการในยุคนี้ ซึ่งนอกจากจะต้องพัฒนาคุณภาพการศึกษาเด็กไทยเราให้สู้กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียกันแล้ว การปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทรนด์ของประเทศไทย 4.0 ที่จะเป็นเรื่องดิจิตอล นับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับกระทรวงศึกษาธิการในยุคนี้ทีเดียว โดยเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องทำพร้อมกันในเวลาเดียวกันซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายทีเดียว สิ่งสำคัญจำเป็นต้องได้คนที่เข้ามาดูแลงานด้านการศึกษาที่เก่งๆ มีวิสัยทัศน์ทั้งด้านการบริหารคุณภาพด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพแล้วยังต้องมีความรู้ช่ำชองทางด้านองค์ความรู้ของเรื่องดิจิตอลเดินไปคู่ขนานเดียวกันด้วย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียด้วย ก็คงจะต้องขอเอาใจช่วยรัฐบาลไว้ ณ ที่นี้ครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
จาก คนข้างรั้วกระทรวงศึกษาฯ
เรียน คุณผู้ใช้นามปากกา
"คนข้างรั้วกระทรวงศึกษาฯ"
ขออนุญาตตอบจดหมายของคุณนะครับ
เรื่องของคุณภาพการศึกษาเวลานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวครับ ซึ่งรัฐบาลของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็คงพยายามหาทางทำอย่างไรเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนของบ้านเราให้ดีขึ้นซึ่งล่าสุดก็ได้มีการปรับ ครม.ใหม่ให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งก็คงต้องพิสูจน์ฝีมือรมว.ศึกษาฯใหม่ท่านนี้ดูกันครับว่า จะทำให้การศึกษาบ้านเราพัฒนาดีขึ้นหรือไม่กันครับ เอาเป็นว่า ผมนำจดหมายของคุณที่เขียนเสนอแนะเข้ามานั้นนำลงให้คอลัมน์ตอบจดหมายฉบับนี้ให้ก็แล้วกันนะครับ
ด้วยรักและนับถือ
เจริญชัย อุดมพาณิชวงศ์
"เรื่องของคุณภาพการศึกษาเวลานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวครับซึ่งรัฐบาลของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็คงพยายามหาทางทำอย่างไรเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนของบ้านเราให้ดีขึ้นซึ่งล่าสุดก็ได้มีการปรับ ครม.ใหม่ให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการซึ่งก็คงต้องพิสูจน์ฝีมือ รมว.ศึกษาฯ ใหม่ท่านนี้ดูกันครับ"